top of page
รูปภาพนักเขียนทีมงานมูลนิธิปวีณาฯ

มูลนิธิปวีณาฯ พา “แม่น้องน้ำ” ถูกนายจ้างฆ่าฝังดินอำพราง 5 ปี ไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลด

มูลนิธิปวีณาฯ พา “แม่น้องน้ำ” ถูกนายจ้างฆ่าฝังดินอำพราง 5 ปี ไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลดโทษจำคุก “โมนา” อดีตผู้เข้าประกวดนางงาม จ.เพชรบุรี จากตลอดชีวิตเหลือคุก 20 ปี “แม่น้องน้ำ” เผย ขออัยการยื่นฎีกาเรียกร้องความยุติธรรมถึงที่สุด

วันนี้ (6 ต.ค.) เวลา 09.30 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี มอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พา นางจันทิรา ศรีศักดิ์ แม่ของน้องน้ำ หรือ น.ส.จริยา ศรีศักดิ์ อายุ 15 ปีเศษ (อายุขณะเกิดเหตุ) ที่ถูกนายจ้างฆาตกรรมแล้วฝังดินอำพรางนาน 5 ปี และแม่ของน้องน้ำได้ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ประสานตำรวจกองปราบขุดบริเวณที่ต้องสงสัยว่าฝังศพลูกสาวที่ใต้ต้นตาลในไร่ ต.หนองโสน อ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี จนพบเจอโครงกระดูกเมื่อช่วงปี 2560 เดินทางไปฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม 3 นาย ติดตามดูแลความปลอดภัย


หลังจากเมื่อวันที่ 27 ส.ค.63 ศาลอุทธรณ์ได้เลื่อนอ่านคำพิพากษา เนื่องจาก น.ส.ปรารถนา หรือเม้า ท้วมทรัพย์ จำเลยที่ 2 ซึ่งได้ประกันตัวไปไม่ได้เดินทางมาศาล ศาลจึงให้ออกหมายจับจำเลยที่ 2 เพื่อมาฟังคำพิพากษาและปรับนายประกัน พร้อมเลื่อนอ่านคำพิพากษาไปในวันที่ 6 ต.ค.63 เวลา 09.30 น.


โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อวันที่ 20 ก.พ.62 ให้จำคุก น.ส.กฤษณา หรือ โมนา สุวรรณพิทักษ์ (นายจ้าง) จำเลยที่ 1 ตลอดชีวิต และให้ชดใช้ค่าสินไหม ให้มารดาของผู้ตายเป็นเงิน 1,065,776 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี, น.ส.ปรารถนา หรือเม้า ท้วมทรัพย์ จำเลยที่ 2 สั่งจำคุก 1 ปี 4 เดือน และนายปราโมทย์ สุวรรณพิทักษ์ จำเลยที่ 3 สั่งจำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา


เช้าวันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัว น.ส.กฤษณา หรือ โมนา จำเลยที่ 1 จากทัณฑสถานหญิงกลางมาศาล ส่วน น.ส.ปรารถนา หรือ เม้า ท้วมทรัพย์ จำเลยที่ 2 และนายปราโมทย์ สุวรรณพิทักษ์ จำเลยที่ 3 เดินทางมาศาล

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 ย่อมเล็งเห็นถึงแก่ความตาย มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา จำเลยที่ 2 ผู้ฝังศพ ย่อมมีความผิดฐานร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษอาญา ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย แต่เห็นว่าศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 หนักเกินไป จึงแก้ไขให้เหมาะสม

สำหรับประเด็นอุทธรณ์เห็นสมควรลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษหรือไม่ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโทษจำเลยที่ 2-3 เหมาะสมแล้ว การปกปิดการตายช่วยจำเลยที่ 1 ให้ไม่รับโทษ ทำให้มารดาผู้ตายทุกข์ทรมาน ถึงแม้จำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน และจำเลยที่ 3 ชดใช้ค่าเสียหายแล้ว ก็ไม่มีเหตุรอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย 

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุก น.ส.กฤษณา หรือ โมนา จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 20 ปี และให้ชดใช้ค่าสินไหม ให้มารดาของผู้ตายเป็นเงิน 1,065,776 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ส่วน น.ส.ปรารถนา และนายปราโมทย์ จำเลยที่ 2-3 โทษเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น (จำคุก 1 ปี 4 เดือน และ 1 ปี)

ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ นางจันทิรา ศรีศักดิ์ มารดาน้องน้ำ บุตรสาวที่เสียชีวิต กล่าวว่า ส่วนตัวแม่พอใจที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิตมากกว่า เพราะถึงตอนนี้จำเลยที่ 1 ก็ยังไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดกับการกระทำของตัวเอง แม้กระทั่งตอนที่อยู่ในห้องพิจารณา จำเลยที่ 1 ก็ยังดูนิ่งเฉย และไม่ได้เดินเข้ามาพูดคุยหรือขอโทษแม่แต่อย่างใด อีกทั้งยังอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาอีกด้วย ซึ่งวันนี้ศาลอุทธรณ์ก็ลดโทษเหลือจำคุก 20 ปี แม่เห็นว่าโทษเบาเกินไปกับความผิด เพราะการที่เขาทำร้ายจนลูกสาวเสียชีวิตแล้วยังเอาศพไปฝังนั้นโดยไม่บอกให้รู้ แม่ต้องติดตามหาลูกสาวและมีความทุกข์ทรมานมากเหลือเกิน จึงอยากขอให้อัยการยื่นฎีกาเพื่อให้ศาลได้พิพากษาตัดสินอีกครั้ง.

ดู 0 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Коментарі


bottom of page