สาวเมืองนนท์ท้อง 6 เดือน ร้องมูลนิธิปวีณาฯ ถูกสามีซ้อมจนทนไม่ไหว ขอความปลอดภัย และจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ขณะเดียวกันขอให้ตำรวจเรียกตัวคนขับ TAXI ที่ได้ช่วยเหลือฝ่ายชายกระทำความผิดโดยเปิดประตูรถให้สามีมาฉุดไปจนถูกซ้อมมารับโทษ ทั้งที่ขอร้องคนขับ TAXI ว่า “อย่าเปิดล็อคประตูรถเพราะหนูอาจตายได้เลยนะลุง”
วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม 2563 เวลา 13.30 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พาน้องเค (นามสมมุติ) ไปพบ พ.ต.อ.สุรพจน์ รอดบำรุง ผกก.สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อติดตามคดีกรณีสามีน้องเคได้ทำร้ายร่างกายเมื่อคืนวันที่ 6 ก.ค.63 ด้วยการจับน้องเคกดหัวแล้วต่อย ตบตี อย่างรุนแรงจนร่างกาย ใบหน้า ศีรษะ และตาบวมช้ำ แถมยังขู่ว่า “ถ้าแทงมึงตายกูต้องติดคุกกี่ปี” จนทำให้หวาดกลัวมาก
หลังเกิดเหตุวันที่ 7 กรกฎาคม 2563 เพื่อนน้องเคขอความช่วยเหลือด่วนให้มูลนิธิปวีณาฯ พาน้องเคไปแจ้งความ และตรวจร่างกายและขอให้อยู่ในความดูแลของมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากร่างกายบอบช้ำต้องนอนพักรักษาตัวจนถึงทุกวันนี้
และในวันนี้นอกจากจะมาติดตาม ความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับสามีที่ทำร้ายร่างกายแล้ว น้องเคประสงค์จะแจ้งความให้ตำรวจติดตามตัวคนขับ TAXI มาดำเนินคดีในข้อหา ช่วยเหลือฝ่ายชายจนทำให้ตนเองถูกทำร้ายจนแทบเอาตัวไม่รอด
น้องเค กล่าว่า ได้รู้จักกับฝ่ายชายมาได้ประมาณ 1 ปี แต่เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายน 2563 ตนตั้งท้องได้ 3 เดือน จึงตัดสินใจมาเช่าห้องอยู่กับฝ่ายชาย แต่ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันก็มีการทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด ครั้งหลังสุดที่ถูกทำร้ายหนักวันที่ 31 ธ.ค.63 ถูกทำร้ายจนต้องเข้ารักษาตัวที่รพ.พระนั่งเกล้า เป็นเวลาถึง 11 วัน สาเหตุจากอาการซี่โครงร้าว ม้ามแตก ตับฉีก แต่ไม่ได้แจ้งความ เพราะทุกครั้งที่ฝ่ายชายทำร้ายมักจะมีการพูดจาข่มขู่ และบอกว่ารู้จักกับตำรวจหลายคนอย่างมากก็เสียค่าปรับไม่มีใครทำอะไรได้
กระทั่งวันจันทร์ที่ 6 ก.ค.63 เวลา 13.00 น. ตนได้ตัดสินใจจะเลิกกับฝ่ายชายจึงได้มีการส่งข้อความไปบอกเลิก และบล็อกเบอร์โทรของฝ่ายชาย แต่ทางฝ่ายชายได้ให้น้องชายของตนเองโทรมาหาตน เพราะทางฝ่ายชายจะขอคุยเรื่องสิ่งของที่ยังอยู่กับฝ่ายชาย จากนั้นตนจึงปลดบล็อกเบอร์และได้มีการพูดคุยกับทางฝ่ายชาย โดยตกลงกันว่าจะยอมเลิกกันด้วยดี และขาดการติดต่อกันไป จนถึงเวลา 21.02 น. ตนเลิกงานจึงขอให้เพื่อนร่วมงานช่วยไปดูหน้าออฟฟิศว่ามีฝ่ายชายมารอหรือไม่ เพื่อนแจ้งว่าไม่มี มีแต่แท็กซี่จอดอยู่ 1 คัน ตนจึงรีบไปขึ้นรถแท็กซี่ ทะเบียน 1 มค 5349 สีเขียวเหลือง และบอกคนขับแท็กซี่ว่าไปสนามบินน้ำ เพราะตนจะไปนอนบ้านแม่ แต่รถแท็กซี่คันดังกล่าวได้ขับออกมาจากหน้าออฟฟิศแล้วเลี้ยวมาอีกทาง ตนจึงถามคนขับแท็กซี่ว่า ทำไมลุงเลี้ยวมาทางนี้ คนขับแท็กซี่บอกว่า แฟนหนูรออยู่ จากนั้นคนขับแท็กซี่ขับรถมาจอดต่อท้ายรถของฝ่ายชาย ตนเห็นฝ่ายชายได้เดินลงมาจากรถ ตนจึงขอร้องคนขับรถแท็กซี่ว่า อย่าเปิดล็อคประตูรถเพราะหนูอาจตายได้เลยนะลุง!! ฝ่ายชายเดินมาเปิดประตูทางฝั่งที่ตนเองนั่ง แต่ตนก็ได้ล็อคประตูไว้ทันทางฝ่ายชายจึงเปิดไม่ได้ แต่ทางคนขับแท็กซี่ได้เปิดล็อคประตูให้ ฝ่ายชายจึงเปิดประตูและมากระชากตนลงจากรถ และได้จ่ายเงินให้คนขับแท็กซี่ไป 400 บาท จากนั้นทางฝ่ายชายได้ฉุดกระชากตนเข้าไปในรถของเขา แล้วตบตี ต่อย จับหัวกดลง และพูดว่า ถ้าแทงมึงตายกูต้องติดคุกกี่ปี ตนกลัวจึงขอร้องไม่ให้ฝ่ายชายทำร้ายร่างกาย ฝ่ายชายจึงขับรถมุ่งหน้ามาทางรังสิตบอกว่าจะไปบ้านแม่ของฝ่ายชายอยู่ที่คลอง 10 ธัญบุรี เมื่อมาถึงประมาณคลอง 1 จึงได้โทรไปหาแม่ ทางแม่ฝ่ายชายบอกว่ามีญาติมาอยู่หลายคนไม่สะดวก ฝ่ายชายจึงบังคับให้ตนพามาที่บ้านน้องชาย บ้านน้องสาว และบ้านแม่ของตนซึ่งอยู่ที่จ.นนทบุรี และบอกว่าครั้งหน้าถ้าตนหนีมาจะได้ตามมาถูก จากนั้นได้ขับรถพากลับมาที่ห้องเช่าแถวท่าอิฐ จ.นนทบุรี ที่เช่าอยู่ด้วยกัน ทางฝ่ายชายก็ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนถึงเช้าวันอังคารที่ 7 ก.ค.63 เวลาประมาณ 10.00 น. ฝ่ายชายก็ขับรถมาส่งที่ออฟฟิศ จากนั้นทางเพื่อนร่วมงานได้เห็นร่องรอยการถูกทำร้ายจึงได้โทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ เพราะตนต้องการเลิกกับฝ่ายชาย และขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือให้ถึงที่สุด
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า กรณีเคสน้องเคนั้น เป็นห่วงเรื่องสุขภาพและจิตใจของน้องเค รวมทั้งลูกในท้องและความปลอดภัย ดังนั้นมูลนิธิปวีณาฯ จึงให้การดูแลอย่างใกล้ชิด และฟื้นฟูสภาพจิตใจรวม ทั้งต้องพาไปตรวจครรภ์ให้ครบตามกำหนด ซึ่งมูลนิธิปวีณาฯ จะคุ้มครองน้องเคและลูกในท้องให้ดีที่สุด
ทุกวันนี้สถิติการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของมูลนิธิปวีณาฯ มีเรื่องการทำร้ายร่างกายภรรยา หรือแฟน เป็นอันดับหนึ่ง จึงขอให้ผู้หญิงที่คิดจะคบหากับใคร ควรเรียนรู้ความประพฤติ รู้จักครอบครัว ศึกษาประวัติ ลักษณะนิสัยของฝ่ายชายใหแน่ชัดก่อน เพราะบางคนมีพฤติกรรมชอบใช้ความรุนแรง ก่อนที่จะตกลงอยู่กินกับฝ่ายชาย โดยเฉพาะการมีบุตรด้วยกัน ต้องมีความรัก มีความพร้อมที่จะมีบุตรเสียก่อน มิฉะนั้นเด็กที่เกิดมาจะเป็นเหยื่อของสังคมที่ชั่วร้ายต่อไป.
Comments