น.ส.ธิดารัตน์ กล่าวว่า ตนเริ่มนำน้องสมาร์ทไปฝากเลี้ยงกับยายแดง (นามสมมุติ) อายุประมาณ 60 ปี ซึ่งบ้านอยู่ละแวกเดียวกันในอ.เมือง จ.จันทบุรี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 พ.ค.62 หลังได้รับคำแนะนำจากคนที่รู้จัก โดยไปส่งลูกตอนเช้าและรับกลับช่วงเย็น ส่วนสามีเป็นครูอยู่ที่จ.ฉะเชิงเทรา จะกลับบ้านช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งยายแดงคิดค่าจ้างวันละ 250 บาท ถ้าวันไหนเด็กนอนค้างคืนด้วยก็จะคิดเพิ่มอีก 250 บาท เป็น 500 บาท ที่ผ่านมาไม่มีปัญหาอะไร ต่อมาวันที่ 1 ส.ค.62 ตนจะไปสอบประกันหลักสูตรและต้องจัดเตรียมงาน จึงนำลูกไปฝากยายแดงเลี้ยงโดยให้ค้างคืนที่นั่น 1 คืน ด้วย ช่วงเย็นวันที่ 2 ส.ค.62 ตนก็แวะไปหาลูกที่บ้านยายแดงก็ยังพบว่าปกติดีอยู่ จึงฝากลูกให้อยู่ต่ออีกวัน เพราะตนต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปสอนเด็กพิเศษทุกวันเสาร์อย่างที่เคย พอวันเสาร์ที่ 3 ส.ค.62 เวลาประมาณ 10.00 น. ขณะที่สอนเด็กพิเศษอยู่ ยายแดงโทรมาหาตนแจ้งว่า น้องสมาร์ทไม่รู้เป็นอะไร จู่ๆ มีอาการคออ่อน ตาลอย ตัวอ่อนนิ่มไม่มีแรง ตนจึงบอกให้รีบพาไปโรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี พร้อมกับโทรบอกเพื่อนที่อยู่ใกล้ช่วยไปดูให้ก่อน โดยน้องสมาร์ทมีอาการชักเกร็งแพทย์จึงฉีดยากันชักให้ ก่อนส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี แพทย์ทำการเจาะเลือด เอกซเรย์ปอด ตรวจซีทีสแกนสมอง และให้ยากันชักใน 2 วันแรก น้องสมาร์ทสามารถขยับตัวได้แต่ไม่ลืมตา จนกลางดึกของวันที่ 5 ต่อเนื่องวันที่ 6 ส.ค. น้องสมาร์ทมีอาการชักเกร็งจนถึงเย็นวันที่ 6 ส.ค. รวมแล้วมากกว่า 20 ครั้ง ซึ่งแพทย์ก็ได้ให้ยากันชักเพื่อควบคุมอาการ และใส่เครื่องช่วยหายใจนำตัวเข้าห้องไอซียู ระหว่างนั้นแพทย์ได้เรียกพ่อแม่และยายเข้าไปฟังผลซีทีสแกนสมองพบว่ามีเลือดออกในสมอง โดยตรวจพบเลือดบริเวณรอบๆ สมองและด้านในสมอง มีทั้งเลือดเก่าและเลือดใหม่ โดยแพทย์นิติเวช ให้พ่อแม่เข้าแจ้งความไว้ก่อน จากนั้นตนจึงไปแจ้งความที่สภ.เมือง จ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 7 ส.ค.62 หลังแจ้งความก็ทราบภายหลังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการไปตรวจที่บ้านของยายแดงและสอบถามเรื่องที่เกิดขื้น และล่าสุดทางตำรวจแจ้งว่ายังรอผลตรวจจากแพทย์อยู่ยังไม่สามารถแจ้งข้อหาใครได้ จึงมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ
“ตนเพิ่งมีลูกชายคนแรกไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องแบบนี้ ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยทำความจริงให้ปรากฎ หลังเกิดเหตุยายแดงก็มีมาเยี่ยมน้องสมาร์ท 2 ครั้ง แต่หลังจากตนแจ้งความแล้วก็ไม่มาอีกเลย ที่ผ่านมา ยายแดง ยืนยันว่า วันเกิดเหตุก่อนที่จะพบว่าน้องสมาร์ทมีอาการผิดปกติ กำลังเข้าไปบดข้าวเพื่อป้อนให้เด็กอีกคนและได้ยินเสียงน้องสมาร์ทนอนร้องไห้ประมาณ 3-4 นาที พอเดินมาดูก็พบว่าคออ่อน ตาลอยแล้ว ไม่ได้มีเรื่องอื่นใด”
น.ส.ธิดารัตน์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้น้องสมาร์ทก็ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี ล่าสุดแพทย์ตรวจพบว่ามีเลือดออกที่จอประสาทตา ไม่มีทางรักษาได้ และอาจจะส่งผลให้ตาบอดในอนาคต ส่วนอาการเลือดคั่งในสมองอาจส่งผลให้เด็กพิการทางสมองได้ ยังคงให้ยารักษาต่อไปพร้อมกับทำกายภาพบำบัด ในเรื่องพัฒนาการต้องเริ่มใหม่ ตั้งแต่การฝึกดูดนม ฝึกกลืน คว่ำชันคอ แต่ตนก็ยังไม่สิ้นหวังจะรักษาลูกให้ดีที่สุด และเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมต่อไป
หลังรับเรื่องนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน ผบก.ภ.จว.จันทบุรี พ.ต.อ.คมน์สรณ์ มาบำรุง ผกก.สภ.เมืองจันทบุรี และนพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี และในวันพฤหัสบดีที่ 29 ส.ค.นี้ เวลา 13.00 น. จะได้เดินทางไปเยี่ยมอาการน้องสมาร์ทที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรีพร้อมกัน เพื่อสอบถามสาเหตุจากแพทย์ผู้รักษา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานสอบสวนเดินทางไปด้วย และประชุมกับทีมแพทย์สรุปสาเหตุที่พบเลือดบริเวณรอบๆ สมองและด้านในสมองว่าเกิดจากสาเหตุใด เพื่อให้พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนได้
Comments