top of page
  • รูปภาพนักเขียนทีมงานมูลนิธิปวีณาฯ

“ปวีณา” ประชุมร่วมติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายละเมิดทางเพศเด็กหญิง 6 ขวบ ในห้องเรียน จ.นครปฐม

“ปวีณา” ประชุมร่วม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม และผู้เชี่ยวชาญ สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ ติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายละเมิดทางเพศเด็กหญิง 6 ขวบ ในห้องเรียน โรงเรียนแห่งหนึ่ง จ.นครปฐม ขณะที่ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้าย คาดจะได้ตัวในเร็วๆ นี้

วันอังคารที่ 25 มิ.ย.62 ที่สภ.เมืองนครปฐม นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พานางก้อย (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี มารดาของเด็กหญิง 6 ขวบ ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศในห้องเรียน โรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.นครปฐม พร้อมด้วย นายธีร์ ภวังคนันท์ ผู้เชี่ยวชาญ สพฐ. ด้านการพัฒนาการแนะแนว กระทรวงศึกษาธิการ และนายปริญญา จุฑาสงฆ์ ผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ประชุมร่วมกับพ.ต.อ.พีระเดช เจริญเดช ผกก.สภ.เมืองนครปฐม เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี และหาแนวทางการช่วยเหลือเด็กหญิง 6 ขวบผู้เสียหายและครอบครัว


พ.ต.อ.พีระเดช เจริญเดช ผกก.สภ.เมืองนครปฐม กล่าวว่า หลังรับแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมส่งเด็กหญิงไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล และจัดสอบสหวิชาชีพ จนกระทั่งออกหมายจับคนร้ายเป็นชายตามภาพวงจรปิด อายุ 48 ปี ชาวอ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ในข้อหา กระทำอนาจารเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี ซึ่งมีโทษจำคุก 1 ถึง 15 ปี และปรับ 20,000-300,000 บาท โดยศาลอนุมัติหมายจับเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.62 ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติพบว่าคนร้าย เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาพรากเด็กฯ เมื่อปี 51 หลังออกจากคุกก็มาก่อคดีลักทรัพย์ อนาจารเด็ก และเสพยาเสพติด เข้าออกคุกมาหลายครั้ง เป็นคนไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง อย่างไรก็ตาม ทางผู้บังคับบัญชาได้ให้ความสำคัญกับคดีนี้ พร้อมระดมชุดสืบสวนจังหวัดและท้องที่เร่งติดตามจับกุม คาดว่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้


นายธีร์ ภวังคนันท์ ผู้เชี่ยวชาญ สพฐ. ด้านการพัฒนาการแนะแนว กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า หลังได้รับการประสานจากนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ตรวจสอบไปที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นพบว่าโรงเรียนไม่มีรั้วรอบขอบชิดทำให้ใครก็ได้เดินเข้ามา ซึ่งตอนเกิดเหตุเป็นช่วงเข้าแถวเคารพธงชาติ จากนี้จะต้องมองในเรื่องการดูแลนักเรียนให้ละเอียดขึ้น ส่วนกรณีที่เด็กบอกว่านำเรื่องไปบอกครูแล้วแต่ครูไม่เชื่อ คงจะต้องปรับในเรื่องความรู้ของครูในการไม่ปล่อยผ่านสัญญาณเล็กๆ น้อยๆ ไป และควรจะต้องตรวจสอบให้มาก แม้จะต้องตรวจสอบเป็นร้อยครั้ง ก็จะดีกว่าปล่อยให้เกิดเหตุครั้งเดียว

ด้านนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า คดีนี้ผู้กระทำผิดเป็นอาชญากรและเป็นภัยสังคมที่จะต้องเร่งจับกุมโดยเร็ว มิฉะนั้นอาจจะมีคนตกเป็นเหยื่ออีก ทั้งนี้เชื่อว่าตำรวจจะจับกุมตัวได้ในเร็วๆ นี้ ล่าสุดที่พูดคุยกับแม่และเด็ก พบว่าสภาพจิตใจเด็กยังไม่ดีเท่าไหร่ และหลังเกิดเหตุไม่ได้ไปโรงเรียนอีกเลยเพราะยังหวาดกลัวและอยากย้ายไปเรียนที่อื่น โดยทางมูลนิธิปวีณาฯ จะประสานกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ส่งนักจิตวิทยาไปเยียวยาสภาพจิตใจเด็ก และประสาน นายธีร์ ภวังคนันท์ ผู้เชี่ยวชาญ สพฐ. ด้านการพัฒนาการแนะแนว กระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการย้ายสถานศึกษาเด็กตามความต้องการของมารดา พร้อมกับประสานกรมคุ้มครองสิทธิ กระทรวงยุติธรรม เรื่องเงินเยียวยาผู้เสียหายทางคดี ซึ่งทางมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามประสานงานการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดต่อไป


ทั้งนี้อยากฝากทางกระทรวงศึกษาธิการว่า ห้องเรียนอนุบาลที่มีห้องน้ำในตัวและในโรงเรียนก็มีกล้องวงจรปิดเป็นเรื่องที่ดีแล้ว แต่อยากให้เพิ่มคีย์การ์ดสำหรับครู นักเรียน ที่จะเข้าไปภายในห้องเรียน ซึ่งบุคคลภายนอกจะเข้าไปไม่ได้นอกจากครูและนักเรียน สำหรับผู้ปกครองก็จะต้องมีบัตรแสดงตัวในการเข้าออกโรงเรียน และเพิ่มมาตรการป้องกันไม่ให้คนแปลกหน้าเข้าออกในโรงเรียนได้

หากมีใครทราบเบาะแสคนร้ายตามภาพวงจรปิด สามารถแจ้งได้ที่พ.ต.อ.พีระเดช เจริญเดช ผกก.สภ.เมืองนครปฐม หมายเลขโทรศัพท์ 061-1453693 หรือแจ้งมูลนิธิปวีณาฯ 081-8140244, 098-4788991, 094-7787771 โดยข้อมูลผู้แจ้งจะถือเป็นความลับ

ดู 4 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page