top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนทีมงานมูลนิธิปวีณาฯ

แม่ร้อง “ปวีณา” ช่วยตามคดีมินิบัสสาย 12 ชน-ทับ ลูกชาย 10 ขวบเจ็บสาหัสคนขับไม่เหลียวแล

อัปเดตเมื่อ 25 ส.ค.

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.66แม่ด.ช.10 ขวบ เข้าร้องทุกข์ “ปวีณา” มินิบัสสาย 12 ชนลูกกระเด็นตกกลางถนนก่อนเหยียบร่างซ้ำ อาการสาหัส ผ่านมาครึ่งเดือน คนขับไม่เหลียวแล ขอ “ปวีณา” ช่วยจี้คดี ผกก.สน.ดินแดง ให้ความเป็นธรรม พร้อมประสาน รพ.วิมุต ช่วยเหลือรับตัวเด็กเข้าแอดมิดเพื่อพักฟื้นและดูแล




กรุงเทพฯ วันที่ 24 ส.ค.66 เวลา 13:30 น. แม่ด.ช.10 ขวบ เข้าร้องทุกข์ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ลูกชายถูกรถประจำทางมินิบัสสาย 12 (รถร่วม ขสมก.) ซิ่งขับชนท้ายรถจักรยานยนต์ขณะแม่ขี่ไปรับลูกจากโรงเรียนจนลูกกระเด็นตกจากรถก่อนเยียบซ้ำเข้าที่กลางลำตัวบาดเจ็บสาหัส กระเพาะปัสสาวะฉีกขาด ม้ามได้รับการบาดเจ็บ และกระดูกเชิงกรานแตกหัก ผ่าตัดมาแล้ว 3 ครั้ง นอนรักษาตัวที่ห้อง ICU รพ.รัฐชื่อดัง ผ่านมา 2 สัปดาห์ คนขับรถมินิบัส บริษัทรถร่วมฯ และทางขสมก. ยังไร้การเยียวยา ไม่เคยมาเยี่ยมเด็กสักครั้ง "ปวีณา" เร่งจี้คดีประสาน ผกก.สน.ดินแดง เร่งรัดคดีให้ความเป็นธรรมและให้การช่วยเหลือทั้งร่างกายและจิตใจเร็วที่สุด


นางแหม่ม (นามสมมุติ) ผู้เป็นแม่ เล่าว่า เหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 10 ส.ค.66 ขณะที่ตนเองขี่รถจักรยานยนต์ไปรับลูกที่โรงเรียนและพาไปว่ายน้ำเสร็จแล้วกำลังจะกลับบ้าน โดยลูกชายคือ ด.ช.เอ้ (นามสมมุติ) อายุ 10 ขวบ นักเรียนชั้นป.5 นั่งซ้อนท้าย ขณะขับขี่รถผ่านปากซอย ประชาสงเคราะห์33 เขตดินแดง กรุงเทพฯ รถประจำทางมินิบัสสาย 12 วิ่งระหว่าง ห้วยขวาง-เศรษฐการ ได้วิ่งมาจากด้านหลังและขับแซงขึ้นหน้าเฉี่ยวชนท้ายรถจักรยานยนต์ของแม่เสียหลัก ลูกชายกระเด็นพุ่งไปข้างหน้าจากนั้นรถมินิบัสก็วิ่งไปทับกลางลำตัวของลูกที่นอนอยู่กลางถนนได้รับบาดเจ็บสาหัส ชาวบ้านที่เห็นร้องตะโกนบอกรถทับเด็ก คนขับรถมินิบัสจึงจอดรถลงมาดู และกู้ภัยช่วยนำลูกชายส่งโรงพยาบาล



เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแพทย์ตรวจพบว่าลูกชายได้รับบาดเจ็บ กระเพาะปัสสาวะฉีกขาด ม้ามได้รับการบาดเจ็บ และกระดูกเชิงกรานแตกหัก ต้องทำการผ่าตัดด่วน แม่แทบช็อกเมื่อเห็นลูกอยู่ในสภาพนี้ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวคนขับรถมินิบัสไปสอบสวนที่สน.ดินแดง


ต่อมาวันที่ 14 ส.ค. พนักงานสอบสวนสน.ดินแดงได้เรียกแม่และคนขับรถมินิบัสไปสอบสวน ทีแรกคู่กรณีอ้างว่าไม่เห็นว่ามีรถจักรยานยนต์อยู่ด้านซ้าย แต่ตำรวจมีหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดคนขับจึงยอมรับสารภาพว่า ได้ขับขี่รถโดยปราศจากความระมัดระวังของตนเองเพียงฝ่ายเดียว จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้


“ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ครึ่งเดือนแล้วทางคนขับรถมินิบัส บริษัทรถร่วมฯ และทางขสมก. ยังไม่เคยมีใครมาเยี่ยมลูกหรือโทรติดต่อแม่เลยสักครั้ง และไม่มีการติดต่อจะเยียวยาหรือรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น แม่จึงตัดสินใจร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยให้ความเป็นธรรมด้วย”



แม่ทำใจไม่ได้ตอนนี้ลูกชายนอนอยู่โรงพยาบาลร้องไห้ทุกวันเมื่อเห็นแผลผ่าตัดที่หน้าอกเป็นทางยาว และเห็นเหล็กที่ดามกระดูกเชิงกรานไว้ ลูกยังลุกจากเตียงผู้ป่วยไม่ได้ และปัสสาวะเองไม่ได้ สภาพจิตใจน้องย่ำแย่มากกลัวจะใช้ชีวิตไม่ได้เหมือนเดิม ไม่เหมือนเด็กคนอื่น


แม่จึงมาร้องขอให้นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดีให้ได้รับความเป็นธรรม ให้ทางผู้ก่อเหตุและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแลรับผิดชอบ อยากให้คนขับรถขนส่งมวลชนมีความระมัดระวัง ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้ไปเกิดขึ้นกับเด็กคนอื่นอีก ทุกวันนี้ครอบครัวยากจน และต้องหยุดงานรับจ้างซักรีดเสื้อผ้าเพื่อมาดูแลลูก และยังต้องใช้เส้นทางนี้ทุกวัน เวลาที่ผ่านจุดเกิดเหตุภาพติดตาทำให้นึกถึงเหตุการณ์วันนั้นตลอดเวลา


นางปวีณา กล่าวว่า จะได้ประสาน พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 และพ.ต.อ.นราวุฒิ รักษาวงศ์ ผกก.สน.ดินแดง ช่วยเร่งรัดคดีและให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายโดยเร็ว และติดตามตัวคนขับรถมินิบัส บริษัทรถร่วมฯ และขสมก. มารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามคดีอย่างใกล้ชิด


ทั้งนี้ได้สอบถามรายละเอียดจากแม่ทราบว่าลูกชายจะต้องออกจากโรงพยาบาลในวันอังคารที่ 29 ส.ค.นี้ ไปพักฟื้นเพื่อรอการผ่าตัดครั้งที่ 4 ในช่วง 6-8 สัปดาห์ข้างหน้า แต่แม่มีความกังวลเพราะลูกยังมีเลือดออกบริเวณแผล เดินไม่ได้ และต้องล้างแผลผ่าตัดที่ยาวตั้งแต่ใต้สะดือถึงหน้าอก และล้างแผลตรงกระดูกเชิงกรานซึ่งดามเหล็กไว้ กับล้างสายท่อปัสสาวะทุกวัน ซึ่งแม่มีความเป็นห่วงเกรงหากกลับไปที่บ้านลูกอาจจะติดเชื้อได้ มูลนิธิปวีณาฯ จึงจะได้ประสานโรงพยาบาลวิมุต ให้การช่วยเหลือรับตัวเด็กเข้าแอดมิดเพื่อพักฟื้นและดูแลแผลผ่าตัดในระหว่างนี้ต่อไป






ดู 11 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page