จ.พระนครศรีอยุธยา 25 ส.ค.66 “ปวีณา” พาเหยื่อ 2 รายที่บาดเจ็บสาหัส และญาติผู้เสียชีวิตอีก 2 ครอบครัว ที่ถูก รอง สวป.สภ.วังน้อย เมาขับชนสาหัส ประชุมร่วม “ผู้การอยุธยา” ยุติธรรมจังหวัด พม. หาแนวทางช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ ล่าสุด ผู้ก่อเหตุยกมือไหว้ยอมรับผิดขอโทษ เตรียมขายรถยนต์ 4 แสน เพื่อมาช่วยเหลือผู้เสียหาย
จ.พระนครศรีอยุธยา วันที่ 25 ส.ค.66 “ปวีณา” พาเหยื่อ 2 รายที่บาดเจ็บสาหัส และญาติผู้เสียชีวิตอีก 2 ครอบครัว ที่ถูก รอง สวป.สภ.วังน้อย เมาขับชนสาหัส ประชุมร่วม “ผู้การอยุธยา” ยุติธรรมจังหวัด พม. หาแนวทางช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ หลังผ่านมาเดือนครึ่ง รอง สวป. ไม่มาเหลียวแล อ้างไปบวชเป็นพระ แต่กลับปล่อยผู้เสียหายสองครอบครัวทุกข์ทนลำบากทั้งกายใจ
ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พา น.ส.วารุณี ม่วงละออ อายุ 22 ปี สภาพถูกตัดขาขวาเป็นคนพิการ และแขนขาหักต้องผ่าตัดดามเหล็กไว้ และนายณัฐวุฒิ อยู่ปราง อายุ 33 ปี สภาพกระดูกหักทั่วร่าง ทั้งต้นคอ กราม ซี่โครง แขนขวา ขาขวาหัก ต้องใส่เกราะพยุงตัว ปลอกดามคอ และญาติของผู้เสียชีวิต 2 ครอบครัว เข้าพบ พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เพื่อขอความช่วยเหลือ
จากนั้นนางปวีณา ได้ประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.สมเจษฐ์ แม้นบุตร ผกก.สภ.วังน้อย นางสาวนฤมล พงษ์สุภาพ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบหมาย นางอรพญา พลอยทับทิม หัวบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นตัวแทน นายอรรณพ กันทะวงศ์ นักวิชาการยุติธรรมชำนาญการพิเศษ สำนักงานยุติธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และร.ต.ต.อัฑกร วังสะนา ผู้ก่อเหตุ พร้อมด้วยผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย และญาติผู้เสียชีวิต 2 ราย เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ทั้ง 4 ครอบครัว
โดยทั้ง 4 ครอบครัว ยืนยันหลังเกิดเหตุ ร.ต.ต.อัฑกร วังสะนา อายุ 53 ปี รอง สวป.สภ.วังน้อย ผู้ก่อเหตุ ไม่เคยมาเหลียวแลให้การช่วยเหลือหรือเยียวยาบรรเทาทุกข์เหยื่อทั้งสองแต่อย่างใด อ้างไปบวชเป็นพระแต่กลับไม่เห็นใจปล่อยผู้เสียหายและครอบครัวต้องทนทุกข์ เหยื่อทั้งสองครอบครัวยากจนลำบากขาดรายได้เพราะทำงานไม่ได้ มีค่าใช้จ่ายต้องเดินทางเข้า-ออกโรงพยาบาล และค่าส่วนเกินในการรักษา ต้องเดือดร้อนไปกู้หนี้ยืมสินคนอื่นเพื่อมาใช้จ่าย
น.ส.วารุณี กล่าวว่า หนูเคยมีชีวิตที่ปกติเหมือนคนอื่น แต่วันนี้มาถูกตัดขาเพราะถูกรอง สวป. เมาขับรถมาชนจนต้องกลายเป็นคนพิการ ยังไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อไปยังไง ตอนนี้มีพี่สาวคอยดูแลซึ่งก็ยากจนต้องไปกู้เงินเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาดูแลหนู อยากให้ผู้ก่อเหตุเห็นใจและมาดูแลเยียวยากันบ้าง ตั้งแต่หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมเงินมาช่วยเหลือครั้งเดียว 3 หมื่นบาท ในส่วนผู้ก่อเหตุไม่เคยมาเลย
ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนต้องสูญเสียภรรยาไปจากเหตุการณ์นี้ ลูกสาว 9 ขวบต้องกำพร้าแม่ ขณะที่ตนเองก็มาอยู่ในสภาพนี้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมเงินมาช่วยเหลือ 2 หมื่นบาท ส่วน รอง สวป. ไม่เคยมาเลย แม้แต่งานศพของภรรยาตนที่เสียชีวิตเขาก็ไม่มา อ้างว่ากลัวจะถูกประชาทัณฑ์ ซึ่งถ้ามาคงไม่มีใครไปทำอะไรเขาเพราะเขาเป็นตำรวจ และเหตุมันเกิดขึ้นแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยมาเหลียวแลรับผิดชอบกับการกระทำเลย วันนี้เขายังอยู่ดีปกติแต่คนที่ตกเป็นเหยื่อกลับต้องมารับกรรมมันถูกต้องและยุติธรรมแล้วหรือ
นางปวีณา กล่าวว่า เห็นใจครอบครัวที่ประสบอุบัติเหตุอย่างยิ่ง รายแรก นอกจากตนเองจะต้องสูญเสียอวัยวะสำคัญโดยถูกตัดขา 1 ข้าง ไม่สามารถทำงานได้แล้ว แฟนที่ทำงานบริษัทเดียวกันก็ ยังมาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้อีกด้วย ขณะนี้น้องยังไม่สามารถไปทำงานได้ เพราะยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พี่สาวต้องเข้ามาช่วยดูแล ต้องกู้หนี้ยืมสิน มีค่าใช้จ่ายสูง เข้า-ออกรพ.ตลอด ส่วนรายที่ 2 นอกจากประสบอุบัติเหตุอาการสาหัสแล้ว ยังต้องมาสูญเสียภรรยาทำให้ลูกสาวอายุ 9 ขวบกำพร้าแม่ เขาก็ดูแลลูกไม่ไหว ยังเดินแทบไม่ได้ พ่อแม่ต้องเข้าช่วยดูแลตัวเขาและลูก ทุกวันนี้ลำบากมากทั้งร่างกายและจิตใจย่ำแย่
วันนี้ได้นัดหมาย พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เพื่อพาผู้เสียหายเข้าพบ ติดตามคดีให้ ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม ได้รับการเยียวยาทั้งร่างกายจิตใจ และเยียวยาเงินช่วยเหลือเบื้องต้น เพื่อให้เขาได้มีชีวิตอยู่รอดได้ มีกำลังใจที่จะฟันฝ่าอุปสรรคต่อสู้ชีวิต โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามทั้งคดีและหาแนวทางช่วยเหลือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ในส่วนกรณีเงินเยียวยาผู้เสียหายทางคดี หลังผู้เสียหายทั้ง 2 ราย เข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา เมื่อวันที่ 21 ส.ค.66 นางปวีณา ได้ประสาน นางสาวจิฬาภรณ์ ตามชู กฤษณสุวรรณ ผู้อำนวยการ สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ (สชง.กคส.) รายงานว่า ได้ติดตามความคืบหน้าไปยังสำนักงานยุติธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับคำร้องไว้แล้ว
รายที่ 1. น.ส.วารุณี ม่วงละออ อายุ 22 ปี ขาดเอกสาร ประกอบเรื่องความพิการ ซึ่งได้ยื่นเพิ่มเติมแล้ววันที่ 17 ส.ค.66 รายที่ 2. นายณัฐวุฒิ อยู่ปราง อายุ 33 ปี ยังขาดเอกสารใบรับรองแพทย์ และใบชันสูตรบาดแผล หากได้รับครบแล้วจะนำเข้าที่ประชุมพิจารณาช่วยเหลือในวันที่ 15 ก.ย.66 ทั้งสองราย
ขณะที่ผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย จากเหตุการณ์เดียวกัน ได้แก่ 1. น.ส.วันเพ็ญ แจ้งสว่าง อายุ 35 ปี (ภรรยานายณัฐวุฒิ) 2. นายภูษิต งาตา อายุ 18 ปี (แฟนน.ส.วารุณี) ได้มีการอนุมัติเงินช่วยเหลือ 55,000 บาท อยู่ระหว่างการของบกลางมาสมทบ หากงบประมาณมาถึงจะเร่งดำเนินการเบิกจ่ายให้ญาติโดยเร็ว
ภายหลังการประชุม พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้มอบเงินช่วยเหลือให้กับทั้ง 4 ครอบครัว และยืนยันจะให้ความเป็นธรรมเต็มที่ วันนี้พนักงานสอบสวนได้ทำสำนวนคดีส่งอัยการเพื่อสั่งฟ้องแล้ว ในส่วนค่าเสียหายทางผู้ก่อเหตุมีทรัพย์สินเป็นรถยนต์ 1 คัน อยู่ระหว่างซ่อมแซมเมื่อเสร็จแล้วจะขายเพื่อนำเงินมาเยียวยาบรรเทาทุกข์ให้กับทั้ง 4 ครอบครัวโดยเร็ว ที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุขอเวลาเพื่อหาเงินช่วยผู้เสียหายและไปบวชจึงยังไม่ได้ๆไปเยี่ยมเยียนผู้บาดเจ็บ วันนี้จึงได้ให้ผู้ก่อเหตุมาร่วมประชุมด้วยเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
ด้าน ร.ต.ต.อัฑกร วังสะนา รอง สวป. สภ.วังน้อย ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ขอโทษและขอแสดงความเสียใจกับทั้ง 4 ครอบครัว ที่ผ่านมาไม่ได้หนีไปไหนแต่เกรงว่าทางผู้เสียหายและญาติอาจจะยังโกรธอยู่ ตอนนี้อยู่ระหว่างซ่อมรถยนต์ที่มีเพื่อขาย น่าจะได้เงินประมาณ 4 แสนบาท จะได้นำเงินมาเยียวมาทั้ง 4 ครอบครัวเพื่อบรรเทาทุกข์ก่อน และจากนี้จะไปเยี่ยมให้กำลังใจไม่หนีหน้าไปไหน
นางปวีณา กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ฝากเป็นอุทาหรณ์กับพวกนักดื่ม ขอเตือนว่าขับรถอย่าดื่ม ถ้าดื่มต้องไม่ขับเพราอาจจะส่งผลให้เกิดหายนะและสร้างความเดือดร้อนกับตนเองและผู้อื่น สำหรับคดีนี้มูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
Comments