top of page
  • รูปภาพนักเขียนทีมงานมูลนิธิปวีณาฯ

“ปวีณา” พาเหยื่อ 3 เคส พบ “บิ๊กโจ๊ก” ขอให้ช่วยติดตามคดีและขอความเป็นธรรม

กรุงเทพฯ 14 พ.ย.66 “ปวีณา” พาเหยื่อ 3 เคส ไปพบ “บิ๊กโจ๊ก” เคสที่ 1. หญิงสาว 3 รายถูกหลอกไปค้าประเวณีที่เมียนมา, เคสที่ 2. ผู้เสียหาย 25 ราย ถูกหลอกพาไปทำงานออสเตรเลียเชิดเงิน 1.3 ล้าน, เคสที่ 3. ผู้เสียหาย 10 ราย ถูกหลอกเปิดบัญชี อ้างจะพาไปปอยเปตให้ทำงาน แต่ไปถึงกลับถูกจับขัง เจอหมายจับโกงเงินนับล้าน



กรุงเทพฯ วันที่ 14 พ.ย.66 “ปวีณา” พาเหยื่อ 3 เคส ไปพบ “บิ๊กโจ๊ก” เคสที่ 1. หญิงสาว 3 รายถูกหลอกไปค้าประเวณีที่เมียนมา, เคสที่ 2. ผู้เสียหาย 25 ราย ถูกสองสามีภรรยา หลอกพาไปทำงานออสเตรเลีย ก่อนเชิดเงินหนีเสียหายกว่า 1.3 ล้าน, เคสที่ 3. ผู้เสียหาย 10 ราย ถูกหลอกเปิดบัญชี อ้างจะพาไปปอยเปตให้ทำงานแลกเปลี่ยนสกุลเงิน แต่ไปถึงกลับถูกจับขังสแกนใบหน้าโอนเงิน เจอหมายจับโกงเงินนับล้าน


วันที่ 14 พ.ย.66 เวลา 09.30 น. ที่สโมสรตำรวจ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาผู้เสียหาย 3 เคสไปพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อขอความช่วยเหลือติดตามจับกุมขบวนการค้ามนุษย์ และผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี


เคสที่ 1. หญิงสาว 3 ราย อายุ 22 ปี 35 ปี และ 41 ปี ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศเมียนมา โดยหญิงสาวอายุ 22 ปี เห็นโฆษณาในติ๊กตอกชักชวนไปเที่ยวเชียงตุง จึงหลงเชื่อเมื่อเดินทางไปถูกกักขัง บังคับค้าประเวณีที่เมืองหนึ่ง ส่วนหญิงสาวอายุ 35 ปี และ 41 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนกัน ทำงานบัญชี มีเพื่อนชักชวนไปเที่ยวเชียงตุง เมื่อเดินทางไปถุงถูกกักขังบังคับค้าประเวณีที่เมืองป๊อก ขอให้ช่วยติดตามจับกุมขบวนการค้ามนุษย์มาดำเนินคดี


ซึ่งทั้ง 3 คนแม่และญาติเข้าร้องขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณาฯ ช่วงเดือน มิ.ย.66 โดยนางปวีณา ประสานกระทรวงการต่างประเทศ สถานทูตไทยในเมียนมา ตำรวจเมียนมาให้การช่วยเหลือบุกไปเอาตัวมาได้ก่อนจะให้รอการส่งกลับที่เมืองป๊อก แต่ทั้ง 3 คนทนรอไม่ไหวหนีออกมาเจอรถรับจ้างจับไปในป่าเรียกค่าไถ่ 5 ล้านบาท ซ้อมทำร้ายอยู่ 5 วัน จากนั้นหนีออกมาได้มีครูบนดอยพาแจ้งความ กลับถูกตำรวจเมียนมาจับคุมขังนาน 3 เดือน ก่อนจะส่งกับมาทางด่านแม่สาย จ.เชียงราย ในวันที่ 9 พ.ย. โดยมีนางปวีณาไปรับ และสภ.เชียงราย และพม. มีการสอบปากคำคัดแยกเหยื่อ ก่อนที่นางปวีณา จะรับทั้ง 3 คนเข้าอยู่ในความดูแลของมูลนิธิปวีณาฯ



เคสที่ 2. ผู้เสียหาย 25 ราย จากจังหวัดต่างๆ อาทิ หนองคาย บึงกาฬ สมุทรปราการ ชลบุรี ถูกนายหน้าสองสามีภรรยาหลอกจะพาไปทำงานด้านการเกษตร ที่ประเทศออสเตรเลีย หลังจ่ายเงินไปล่วงหน้ากันคนละ 2-8 หมื่นบาท นาน 7 เดือนแล้วยังไม่ได้เดินทางไป และสองสามีภรรยากลับหนีหาย ทำให้ต้องเป็นหนี้เป็นสินเดือดร้อน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1.3 ล้านบาท ขอช่วยติดตามตัวสองสามีภรรยามาดำเนินคดี


เคสที่ 3. ผู้เสียหาย 10 ราย เจอโฆษณาชักชวนในโซเชียลให้ไปทำงานแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา จะมีรายได้เดือนละ 35,000-45,000 บาท โดยก่อนเดินทางไปให้เปิดบัญชีธนาคาร จะให้เพิ่มบัยชีละ 5,000 บาท เมื่อหลงเชื่อเดินทางไปถูกกักขังในห้อง ยึดพลาสปอร์ต โทรศัพท์มือถือ ซิมโทรศัพท์ บังคับให้สแกนใบหน้าแอปพลิเคชันธนาคารเวลามีเงินโอนเข้ามาทุกวัน ประมาณ 15-30 วัน พอบัญชีถูกอายัดก็ส่งตัวกลับไทยโดยข่มขู่ห้ามแจ้งความมิฉะนั้นจะส่งคนมาฆ่าให้ตาย หลายคนกลับมาถึงเจอหมายเรียกตำรวจ ตกเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกงเงินจำนวนมาก บางคนกว่า 1 ล้านบาท



พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวว่า จะรับเรื่องจากท่านปวีณาไว้ทั้งหมด และจะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อทุกคน โดยจะให้ตำรวจ ปคม.มารับเรื่องสอบสวนผู้เสียหายเพื่อเร่งออกหมายจับผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี อย่างกรณีหลอกไปบังคับค้าประเวณีที่ประเทศเมียนมา จะออกหมายจับทั้งขบวนการที่อยู่ทั้งในประเทศและในเมียนมา ไม่ใช่เรื่องยากเพราะเรามีความสัมพันธ์กับ ผบ.ตร.เมียนมาในการกวาดล้างผู้กระทำผิดอยู่แล้ว และอีก 2 เคสก็เช่นกันจะต้องเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว


ขอเตือนประชาชนอย่าหลงโฆษณาในโซเชียลที่มาในแบบชวนท่องเที่ยวหรือชวนไปทำงาน ของฟรี งานดี รายได้สูงไม่มีอยู่จริง ควรจะตรวจสอบให้ดีก่อน และหากคิดจะไปทำงานที่เมียนมาอย่าไปทำงานในลักษณะแบบนี้ ทั้งค้าประเวณี และคอลเซ็นเตอร์ อย่างที่เล้าก์ก่ายที่เรากำลังจะช่วยเหลือกลับมาจากทีแรกมีประมาณ 100 กว่าคน แต่ตอนนี้เพิ่มเป็น 300 กว่าคนแล้ว ซึ่งเมียนมามีการสู้รบในการช่วยเหลือจึงเป็นเรื่องยาก



พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้กำลังมีแนวคิดที่จะสร้างแพลตฟอร์มในการประชาสัมพันธ์เตือนประชาขนอย่าหลงเชื่อโฆษณาในโซเชียลก่อนจะตกเป็นเหยื่อ หรือหากท่านใดต้องการตรวจสอบข้อมูลก็สามารถโทรสอบถามกับตำรวจได้้โดยตรง ซึ่งจะต้องเร่งทำตรงนี้โดยเร็ว เพื่อประชนจะได้ไม่หลงเชื่อเดินทางไป ถูกกักขังทำร้าย บังคับค้าประเวณี บังคับทำงานผิดกฎหมาย ตกนรกทั้งเป็น


นางปวีณา กล่าวว่า ขอบคุณ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และทีมงาน ที่ประสานงานและให้การช่วยเหลือเคสของมูลนิธิปวีณาฯ เป็นอย่างดียิ่ง และขอบคุณสื่อมวลชนที่ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบจะได้ไม่หลงเชื่อเดินทางไปแล้วตกเป็นเหยื่อ โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามการช่วยเหลือร่วมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อย่างใกล้ชิดต่อไป.



คลิปข่าวที่สื่อนำเสนอ










ข่าวที่สื่อนำเสนอ


ดู 32 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page