จ.กรุงเทพฯ 10 ก.ย.66 แม่ร้อง “ปวีณา” ลูกสาววัย 23 ปี ตั้งใจไปทำงานญี่ปุ่น หลังเดินทางไปถึงแค่ 2 วัน ตกตึกดับปริศนา ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยประสานนำอัฐิกลับมาบำเพ็ญกุศล และขอช่วยตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง
จ.กรุงเทพฯ วันที่ 10 ก.ย.66 แม่ร้อง “ปวีณา” ลูกสาววัย 23 ปี ตั้งใจไปทำงานญี่ปุ่น หลังเดินทางไปถึง แค่ 2 วัน กลายเป็นศพตกจากที่สูงขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยประสานนำอัฐิกลับมาบำเพ็ญกุศล ขอช่วยตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงด้วย
นางสาวสมพร ศิริโสภณ อายุ 48 ปี ชาวกรุงเทพฯ เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กรณี นางสาวธนพร ลูกสาว อายุ 23 ปี เดินทางไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นเสียชีวิตปริศนา
แม่เล่าว่า ลูกสาวบอกแม่ว่าจะไปทำงาน พีอาร์ ที่ประเทศญี่ปุ่น เดินทางวันที่ 21 ก.ค. 66 ในช่วงนั้นแม่ยังแชตคุยไลน์กับลูกได้อยู่ ต่อมาแม่ไลน์ไปลูกก็ไม่มีการเปิดอ่านและไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย กระทั่ง 5 วันผ่านไป (วันที่ 26 ก.ค.) แม่ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่กรมการกงสุล แจ้งว่าลูกสาวเสียชีวิตอยู่ในซอกตึกอาคารที่พัก ในพื้นที่เขตอำเภออิเซซากิ จังหวัดคานากาวะ สาเหตุตกจากที่สูง ชั้น 8
โดยเจ้าหน้าที่แจ้งเพิ่มเติมเป็นเอกสารอีกว่า วันที่ 23 ก.ค. กล้องวงจรปิดจับภาพลูกสาวเดินลากกระเป๋าเข้าอาคารที่พัก เวลา 17.55 น. ต่อมามีผู้ที่พักอยู่ชั้น 8 พบกระเป๋าถูกวางทิ้งไว้หน้าห้องแต่ไม่พบเจ้าของจึงนำกระเป๋าส่งสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่พบเอกสารของลูกสาวจึงได้โทรฯ ติดต่อแต่ไม่มีผู้รับสาย จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้โทรติดต่อแม่ตามที่ลูกสาวให้เบอร์ฉุกเฉินไว้ แต่แม่ไม่ได้รับสายเพราะเห็นเป็นเบอร์แปลก
กระทั่งวันที่ 26 ก.ค. 66 เจ้าหน้าที่ก็โทรมาอีกครั้งแจ้งข่าวร้ายว่าพบศพลูกอยู่ที่ซอกตึก บริเวณชั้น 8 จากการตรวจสอบที่ริมสุดของทางเดินชั้น 8 ที่คาดว่าตกลงมาไม่มีร่องรอยการต่อสู้ และไม่พบลายนิ้วมือหรือรอยเท้าผู้อื่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงความเห็นว่าเป็นการอัตวิบากกรรม หรือฆ่าตัวตาย
แม่ไม่เชื่อว่าลูกสาวจะฆ่าตัวตาย เพราะไม่มีสาเหตุแรงจูงใจอะไร ลูกสาวตั้งใจจะไปทำงานหาเงินส่งมาให้แม่เปิดร้านน้ำ โดยฝากลูกชาย 4 ขวบไว้ให้แม่เลี้ยง ถ้าจะฆ่าตัวตายลูกสาวคงไม่ต้องเดินทางไปถึงญี่ปุ่น แม่สงสัยสาเหตุการเสียชีวิตของลูก แต่แม่ไม่มีเงินที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อหาข้อเท็จจริง และเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ทางสถานทูตได้ช่วยดำเนินการเผาศพลูกสาวแล้ว แต่แม่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการส่งอัฐิกลับมาประเทศไทย ซึ่งต้องใช้เงินประมาณ 7 หมื่นกว่าบาท แม่ฐานะยากจนและยังต้องเลี้ยงดูหลานชาย 4 ขวบ จึงตัดสินใจเข้าร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ
หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ตั้งข้อสังเกตการว่า ในรายงานการสืบสวนของตำรวจญี่ปุ่น มีการระบุว่า นางสาวธนพร ได้มีการคุยโทรศัพท์ก่อนที่จะเสียชีวิต จึงเป็นเหตุที่ทำให้เกิดข้อสงสัยได้ว่า โทรศัพท์สายสุดท้ายที่ นางสาวธนพรได้มีการพุดคุยนั้น อาจจะเป็นมูลเหตุทำให้เกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น
นางปวีณา กล่าวว่า จะประสาน นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล เพื่อขอให้ช่วยดำเนินการเรื่องนำอัฐิกลับมาเมืองไทย เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด เรื่องการเสียชีวิตของน้องเป็นที่น่าสงสัยนั้น ต้องประสานนำภาพจากกล้องวงจรปิดและโทรศัพท์ของผู้ตายมาตรวจสอบ อาจทำให้ได้ทราบสาเหตุการตายที่แท้จริง ซึ่งทางมูลนิธิปวีณาฯจะประสานขอหลักฐานดังกล่าวมูลนิธิปวีณาฯขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวและจะรีบดำเนินการประสานเพื่อนำอัฐิกลับมาโดยเร็วที่สุด
ข่าวที่สื่อนำเสนอ
Comments