จ.เชียงใหม่ 13 ธ.ค.66 เเม่เหยื่อเนอร์สเซอรีโหดร้อง “ปวีณา” ลูกสาว 9 เดือน ถูกพี่เลี้ยงเนอร์สเซอรีมัดแขนทรมาน เอาแพมเพิร์สคลุมหัว อีกราย ลูกชาย 2 ขวบถูกตบหัวอย่างแรง หลังรับเรื่องพาสองแม่เหยื่อเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ขอตรวจสอบมาตรฐานเนอร์สเซอรีแห่งนี้ โดยผู้ว่าฯเชียงใหม่ ลงดาบปิดเนอร์สเซอรีพี่เลี้ยงโหดแล้ว
เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา น.ส.แวว (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีว่า ลูกชายวัย 2 ขวบของตนที่ได้ไปฝากเลี้ยงที่เนอร์สเซอรีแห่งหนึ่งใน อ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ ถูกพี่เลี้ยงเด็กของเนอร์สเซอรีดังกล่าว ทำร้ายด้วยการตบหัวอย่างแรงบ่อยครั้ง ในช่วงตลอด 1 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม ทั้งนี้ตนได้ข้อมูลและภาพหลักฐานจากพี่เลี้ยงอีกคนที่ทนพฤติกรรมอันโหดร้ายนี้ไม่ไหว ได้พยายามเก็บภาพ และหาทางแจ้งข้อมูลนี้ให้ตนทราบ
ผู้เปิดเผยพฤติกรรมทารุณนี้ คือ นส. เอ (นามสมมติ) เป็นพี่เลี้ยงเด็กที่เพิ่งเข้าไปทำงานได้ 1 เดือน อายุ 25 ปี
น.ส.เอ เล่าว่า เธอได้รับเงินเดือน 7,500 บาท ทำงานตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น หน้าที่ของเธอ คือ ทำงานร่วมกับพี่เลี้ยงอีกคนที่มีอายุงาน 2 ปี ทั้ง 2 คน ต้องดูเเลเด็กทั้งหมด 15 คน ที่มีอายุตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป แต่สิ่งที่เธอพบ ไม่ใช่การดูแลเด็กเล็กตามปกติที่ควร แต่กลับพบพฤติกรรมอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นซ้ำเเล้วซ้ำเล่า เด็กเล็กถูกกระทำรุนแรง โดยพี่เลี้ยงอีกคน ชื่อ น.ส.บี ( นามสมมติ ) อายุ 50 กว่าปี ซึ่งอ้างว่าต้องทำรุนแรงเพื่อให้เด็กกลัว โดยทั้ง กระชาก หยิก ตบหน้า ด่าทอ “ไม่มีเด็กคนไหนไม่ถูกตี” เธอบอก นั่นหมายถึง เด็กๆทุกคนในเนอร์สเซอรีนี้ล้วนถูก น.ส.บี กระทำ!!!
น.ส.เอ ทนไม่ไหวจึงเก็บภาพและคลิป เด็กชาย 2 ขวบ ถูกตบหัวอย่างแรง และยังถ่ายภาพและคลิปเด็กหญิงอายุเพียง 9 เดือน ถูกทรมาน ด้วยการจับมัดมือแนบตัว และเอาแพมเพิร์สคลุมหัวปิดหน้าปิดตาด้วย ซึ่งพฤติกรรมนี้ ไม่ได้ทำกับน้อง 9 เดือนคนนี้เท่านั้น แต่เด็กทารกอายุที่ไม่ถึงขวบ ถ้าร้องไห้ก็ถูกจะจับมัดคลุมหัวด้วยแพมเพิร์สจนกว่าจะเงียบ หรือจนกว่าจะถึงเวลาแม่มารับกลับบ้าน
เมื่อ น.ส.เอ เห็นพี่เลี้ยงรุ่นพี่กระทำทารุณกับเด็กๆ บ่อยครั้งก็ทนรับสภาพไม่ไหว ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจลาออกจากงานและเอาหลักฐานที่มีแจ้งให้แม่ของเด็กชาย 2 ขวบ และแม่ของเด็กหญิง 9 เดือนทราบ แม่ของเหยื่อทั้ง 2 จึงร้องขอความช่วยเหลือต่อมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีเมื่อวันที่ 17 พ.ย.2566
หลังนางปวีณา ประธานมูนิธิปวีณาฯ รับเรื่องก็ได้ประสาน พ.ต.อ.ญาณพล พัฒนชัย ผกก.สภ.แม่ปิง ให้แม่เหยื่อทั้งสองไปพบเพื่อแจ้งความ โดยมี พ.ต.ท. ภิรมย์ ยศตรัง สารวัตรสอบสวนรับแจ้งความ และเร่งรัดให้สอบสหวิชาชีพ แต่ปรากฏว่า ในช่วงเวลานั้น เด็กชาย 2 ขวบยังพูดไม่ได้ แต่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน เป็นภาพขณะพี่เลี้ยงตบหัว ตบหน้าอย่างแรง และมีพยานที่เห็นเหตุการณ์ ที่พร้อมให้ปากคำ ว่ามีการกระทำรุนแรงทุกวัน และมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสานส่งข้อมูลให้ พมจ.วรพงษ์ บุญเคลือบ จังหวัดเชียงใหม่ได้ช่วยติดตามคดีนี้ด้วย
นางปวีณา กล่าวว่า หลังได้เห็นภาพที่แม่ทั้งสองคนส่งคลิปลูกถูกทำร้ายมาให้ดูก็รู้สึกตกใจ รับไม่ได้ เนื่องจากเหยื่อยังเล็กมาก โดยเฉพาะเด็กหญิง 9 เดือน ที่ถูกมัดทรมาน เป็นการกระทำความรุนแรงที่เลวร้ายต่อเด็กอย่างยิ่ง และกรณีเด็กชาย 2 ขวบที่ถูกตบหน้าตบหัวอย่างแรงในขณะที่กำลังป้อนข้าว เด็กชายก็มีอาการหวาดกลัว แม่เด็กชาย เล่าว่า ลูกจะร้องไห้ทุกวันไม่ยอมเข้าเนอร์สเซอรี
ส่วนแม่น้อง 9 เดือน ได้เล่าว่า หลังจากที่เข้าแจ้งความ ทางด้านเจ้าหน้าที่ของเนอร์สเซอรี ได้ไปให้การกับตำรวจ อ้างว่า ได้รับอนุญาตจากแม่ให้มัดเด็กได้ ตำรวจได้สอบถามมายังแม่น้อง 9 เดือนว่าจริงหรือไม่ ทำให้แม่น้องรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง และรู้สึกเศร้าใจมากที่มีความพยายามบิดเบือนความจริงเช่นนี้
น.ส.เเวว แม่ของเด็กชาย 2 ขวบ เล่าทั้งน้ำตา เธอรู้สึกสงสารลูกมาก โทษตัวเอง และนอนร้องไห้ 2 วัน 2 คืน จนแทบเป็นซึมเศร้า อยู่คนเดียวลำพังไม่ได้ โชคดีที่มี น.ส.กิ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนช่วยดูเเล ติดต่อนักข่าวในพื้นที่ช่วยตีเเผ่ข่าวนี้ หลังจากที่ข่าวออกไป ก็มีเหยื่อโผล่อีกหลายราย
น.ส.กิ่ง เล่าว่า หลังจากที่ข่าวถูกโพสต์ ก็มีบรรดาเเม่ๆ ผู้ปกครอง ที่เคยส่งลูกมาฝากกับเนอร์สเซอรีแห่งนี้มาเเสดงความคิดเห็นหลายคน บางคนเคยเห็นเหตุการณ์ กระชากเด็กแรงๆ บางคนเล่าชัด ลูกถูกพี่เลี้ยงเอาหนังยางดีดหัว โดนตบหัว นอกจากนั้นยังมีอดีตพี่เลี้ยงและอดีตเเม่บ้าน มาให้ข้อมูลอีกด้วย ว่าเห็นเหตุการณ์ทารุณเด็กบ่อยครั้ง ซึ่งเห็นเเล้วทนไม่ได้ บางคนทำงานเป็นพี่เลี้ยงได้เเค่ 2 วันก็ลาออก
หลังคดีนี้เป็นข่าว แม่ของน้อง 2 ขวบ เปิดเผยว่า ทางเจ้าของเนอร์สเซอรี่ ไม่พอใจมาก จึงระงับข้อตกลงเยียวยาเหยื่อทั้งสอง และยังกล่าวหาว่า แม่เหยื่อเป็นผู้ทำให้เนอร์สเซอรีเสียชื่อเสียง
ตอนนี้ แม่เหยื่อทั้งสองรายรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งๆ ที่หลักฐานชัดเจน ตนต้องการให้เจ้าของเนอร์สเซอรีขอโทษ และแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของพี่้เลี้ยงโหด ที่ทำต่อเด็กๆ อย่างเลวร้ายและขอให้ทางมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดต่อพี่เลี้ยงใจโหด และต้องการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบมาตรฐานการดูแลเด็กๆ ของเนอร์สเซอรีเเห่งนี้ย้อนหลังด้วย
วันเดียวกัน เวลา 09.00 น.นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พาเเม่เหยื่อ ทั้งสอง รวมถึงพี่เลี้ยงผู้เห็นเหตุการณ์ทารุณเด็กเข้าพบ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อร้องทุกข์และเร่งให้มีการตรวจสอบเนิร์สเซอรี่ดังกล่าว
โดย นายนิรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับเรื่องจากนางปวีณา ประธานมูลนิธิปวีณาฯ จึงได้ประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมประชุมโดยด่วนเช้าวันที่ 14 ธ.ค.66 เวลา 09.00 น. ที่ศาลากลาง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมูลนิธิปวีณาจะร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ติดตามคดีและการช่วยเหลือเด็กให้ถึงที่สุด
ความคืบหน้าวันที่ 14 ธ.ค.66 นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เชิญหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ พล.ต.ต. ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย, พ.ต.อ. ญาณพล พัฒนชัย ผกก.สภ.แม่ปิง, พ.ต.ท.จรูญ เมืองมูล รอง ผกก.สืบสวนสอบสวน สภ.แม่ปิง, นางวรพงษ์ บุญเคลือบกับพมจ.เชียงใหม่ และนางสาวณัฐนันท์ พิทักษา ผอ.สำนักยุติธรรมจังหวัดเชียงใหม่เข้าร่วมประชุมกับนางปวีณา หงสกุล และคุณแม่ของเด็กผู้เสียหาย โดยมีอดีตพี่เลี้ยงที่เคยทำงานที่สถานเลี้ยงเด็กแห่งนี้ มาเป็นพยานเล่าเหตุการณ์ที่เด็กชายวัย 2 ขวบ ถูกทำร้าย บ่อยครั้ง และเด็กหญิงวัย 9 เดือน ถูกมัด และเอาแพมเพิร์สคลุมหัวเพื่อให้เด็กหยุดร้องไห้
หลังได้รับทราบข้อมูลจากแม่เด็กและพยาน ผู้ว่าฯ ก็เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีนี้ว่า ตำรวจได้เเจ้งข้อหากับพี่เลี้ยงเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว เเละตอนนี้เนอร์สเซอรีได้ปิดทำการไปตั้งเเต่วันที่ 1 ธ.ค.2566 ที่ผ่านมาเเล้ว
ผู้ว่าฯนิรัตน์ ยังย้ำกับทางตำรวจและพมจ. เชียงใหม่ว่า ให้ดำเนินการอย่างเต็มที่ตามข้อกฎหมาย ส่วนเรื่องการบำบัดดูเเลเด็กทั้ง 2 รายที่ตกเป็นเหยื่อ ทางผู้ว่าฯมีคำสั่งให้พมจ. นำเหยื่อทั้งสอง และเด็กๆ ในสถานเลี้ยงเด็กอีก 13 คนไปให้พบจิตแพทย์ เพื่อประเมิลผลว่ากระทบต่อจิตใจและพัฒนาการเด็กมากน้อยเพียงใด
หากคุณหมอวินิจฉัยพบว่า เด็กได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ จะรีบประสานไปยังพนักงานสอบสวน เพื่อเพิ่มข้อหาการกระทำความผิดต่อไป สำหรับผู้ประกอบการรับเลี้ยงเด็กรายนี้ท่านผู้ว่าฯได้สั่งให้ทำบันทึกไว้เลยว่าไม่ให้กลับมาเปิดกิจการได้อีก
นางปวีณา เผยว่า ช่วงนี้เหยื่อส่วนใหญ่ เป็นเด็กที่ถูกกระทำ ไม่ว่าจะถูกข่มขืน หรือถูกทำร้ายร่างกาย เนอร์สเซอรี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเสี่ยงที่เด็กอาจถูกกระทำ ปัญหา คือ เเม่บางคนไม่มีโอกาสที่จะเลี้ยงลูกเอง เพราะต้องออกไปทำงาน เเล้วต้องเอาไปฝากเลี้ยงที่เนอร์สเซอรี ดังนั้นเนอร์สเซอรีต้องมีมาตรฐาน เเละมาตรการที่ชัดเจนที่จะดูเเลเด็กเล็กให้มีความปลอดภัยให้มากที่สุด เพราะหากเกิดเหตุทำร้ายเด็ก ก็ยากที่จะทราบหรือรับรู้และช่วยเหลือทันจะมีผลลบต่อเด็กไปทั้งชีวิต คนเลี้ยงเด็กควรต้องมีการอบรมให้ความรู้ และควรผ่านการทดสอบประเมินจิตใจด้วย ในขณะเดียวกัน เจ้าของสถานเลี้ยงเด็กก็ต้อง จ่ายค่าจ้างพี่เลี้ยงอย่างน้อยต้องตามค่าแรงขั้นต่ำเพื่อพี่เลี้ยงจะได้มีคุณภาพในการทำงานจริงๆ ขอฝากเรื่องนี้ต่อรัฐบาล ขอให้มีนโยบาย สร้างศูนย์เด็กเล็กในที่ทำงาน หรือในกระทรวง หรือบริษัทต่างๆ เพื่อแม่จะสามารถทำงานได้และมีเวลาแวะมาให้นมลูก สร้างอบอุ่นและความปลอดภัยให้กับเด็กเล็ก
ด้าน พ.ต.อ.ญาณพล พัฒนชัย ผกก.สภ.แม่ปิง เผยว่า หลังจากที่รับเรื่องราวจากมูลนิธิปวีณาฯ ก็ได้มีการเรียกพี่เลี้ยงและพยานมาสอบปากคำ ก่อนเเจ้ง ข้อหาต่อพี่เลี้ยง2 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นอันตรายเเก่กายเเละจิตใจ เเละ ทารุณกรรมเด็ก แต่วันนี้หลังได้รับข้อมูลจากพยานที่อยู่ในเหตุการณ์เพิ่มเติม ก็จะสอบสวนให้ละเอียดว่า เจ้าของนอร์สเซอรีมีการกระทำอันเป็นความผิดตามกฎหมายอื่นๆอีกหรือไม่
ส่วนสภาพจิตใจของเด็กชาย 2 ขวบคุณแม่เล่าว่าในช่วงที่ลูกอยู่นอร์สเซอรีมีอาการร้องไห้ ไม่อยากไปนอร์สเซอรีกลับมาก็ซึม ไม่พูด ไม่เล่น หวาดกลัวคนแปลกหน้า และติดแม่ผิดปกติ แต่หลังออกมาจาก เนอร์สเซอรี ประมาณ 2 อาทิตย์ มีพัฒนาการที่เปลี่ยนเเปลงไปในทางที่ดีขึ้นมากๆ เด็กชายร่าเริง เริ่มพูดและเล่นสนุกสานได้แล้ว
แต่ความรู้สึกของคนเป็นพ่อเเม่ ที่ฝากชีวิตลูกไว้กับสถานรับเลี้ยง และกลับมาเจอเหตุการณ์เเบบนี้ ไม่มีพ่อเเม่คนไหนรับได้ ฝากถึงสถานเลี้ยงเด็กเล็กทุกแห่ง ต้องตระหนัก การรับดูเเลชีวิตลูกคนอื่น ต้องดูเเลด้วยความเอาใจใส่ รอบคอบและรัดกุม
ข่าวที่สื่อนำเสนอ
-
Comentários