จ.ประจวบคีรีขันธ์ 15 ก.ย.66 พ่อแม่ร้อง "ปวีณา" ขอความช่วยเหลือลูกสาววัย 2 ขวบ เดินชนหม้อต้มแซ่บที่กำลังเดือดบนเตาตกลงไปในหม้อน้ำต้มแซ่บร้อนๆ ลวกเป็นแผลพองไหม้ไปทั้งตัว ต้องทำแผลผ่าตัดอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ล่าสุดด.ญ. 2 ขวบ ติดเชื้อ ต้องย้ายมารักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์
จ.ประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 15 ก.ย.66 เวลา 10:30 น. พ่อแม่ร้อง "ปวีณา" ขอความช่วยเหลือลูกสาววัย 2 ขวบ เดินชนหม้อต้มแซ่บที่กำลังเดือดบนเตาตกลงไ ปในหม้อน้ำต้มแซ่บร้อนๆ ลวกเป็นแผลพองไหม้ไปทั้งตัว ยกเว้นใบหน้าและข้อมือ เข้ารักษาห้อง ICU รพ.หัวหิน ประเมินความลึก 2 nd degree burn 64% ต้องทำแผลผ่าตัดอาทิตย์ละ 3 ครั้ง โดยต้องใช้แผ่นแปะแผลลดความเจ็บปวดผิวหนัง แพทย์ต้องใช้ใบมีดตัดเนื้อตายและ spray รักษาแผลอักเสบ เนื่องจากวัสดุเหล่านี้ไม่มีในรพ.หัวหิน จึงมีค่าใช้จ่ายต้องสั่งจากบริษัท นอกเหนือบัตร 30 บาท จึงขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ล่าสุดด.ญ. 2 ขวบ ติดเชื้อ ต้องย้ายมารักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์ พ่อแม่ขอเข้าพบ "ปวีณา" เพื่อขอความช่วยเหลือด่วน
ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นายธีระชัย อายุ 27 ปี และน.ส.พิมพ์วิมล อายุ 24 ปี สองสามีภรรยาชาว จ.ประจวบคีรีขันธ์ เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ แจ้งว่า น้องเต้าหู้ ลูกสาววัย 2 ขวบ ตกลงไปในหม้อต้มแซ่บถูกน้ำร้อนลวกทั้งตัวเป็นแผลพุพองเนื้อเปลื่อยผิวหนังลอกสาหัสและมีอาการติดเชื้อ ในการรักษาต้องมียานอกบัญชีที่ต้องจ่าย พ่อแม่ยากจนขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือด้วย
น.ส.พิมพ์วิมล ผู้เป็นแม่ เล่าว่า สามีเพิ่งได้งานเป็นเชฟอยู่ที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งเงินเดือน 10,500 บาท ส่วนแม่เป็นพนักงานแนะนำขายอุปกรณ์ศิลปะเงินเดือน 9,000 บาท มีลูกสาว 2 คน อายุ 4 ขวบ กับ 2 ขวบ น้องเต้าหู้เป็นลูกสาวคนเล็ก วันที่ 8 ก.ย.66 เป็นวันเกิดเหตุพ่อกับแม่ไปทำงาน ช่วงบ่ายย่าโทรมาหาแม่ให้รีบกลับบ้านมาดูลูกด่วน เมื่อกลับถึงบ้านแม่แทบช็อก เห็นสภาพน้องเต้าหู้ตัวเปลือยมีแผลพุพองตั้งแต่ลำคอลงมาถึงที่เท้า
โดยย่าบอกกับแม่ว่า ก่อนเกิดเหตุย่ากำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมกับข้าวไปขายไม่รู้ว่าหลานเดินตามหลังมาในครัว จู่ๆ น้องเต้าหู้ก็เดินไปชนกับหม้อต้มแซ่บซึ่งเป็นหม้อใบใหญ่เบอร์ 40 ก่อนจะตกลงไปทั้งตัวสภาพหงายหลังนอนแช่อยู่ในหม้อน้ำต้มแซ่บร้อนๆ ย่าจึงรีบช่วยขึ้นมาแล้วถอดเสื้อผ้าเอาน้ำเย็นราดตัวก่อนจะรีบให้แม่มาดู จากนั้นแม่ได้เรียกรถโรงพยาบาลมารับตัวลูกไปโรงพยาบาลทันที
หลังไปถึงโรงพยาบาลแพทย์ห้องฉุกเฉินได้ทำแผลให้น้องก่อนส่งตัวไปห้องปลอดเชื้อและเข้าห้องไอซียู กระทั่งวันที่ 11 ก.ย. แพทย์ตรวจพบว่าผิวหนังเสียหายความลึกระดับ 2/3-3 ต้องทำการผ่าตัด ลูกใช้สิทธิ 30 บาท ในการรักษา แต่มีค่ายาและค่าอุปกรณ์นอกบัญชีที่ต้องจ่าย เช่น ใบมีดที่ตัดระดับความลึกของเนื้อตาย ราคา 16,050 บาท สเปรย์รักษาแผลเนื่องจากการไหม้ ราคา 10,950 บาท
ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวภายในโรงพยาบาลไม่มีแม่ต้องจ่ายเงินก่อนเพื่อสั่งซื้อจากบริษัทข้างนอก และยังมีค่าแผ่นแปะรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังเพื่อลดการเจ็บปวด ราคาแผ่นละ 580 บาท ต้องใช้ครั้งละประมาณ 8-10 แผ่นต่อครั้ง ประมาณ 5,000-6,000 บาท และแพทย์แจ้งว่าจะต้องมีการผ่าตัดอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก แม่ต้องไปกู้ยืมเงินมาเพื่อรักษาลูก ตอนนี้ลูกร้องไห้ตลอดเวลา สภาพจิตใจย่ำแย่ พ่อแม่ทุกข์ใจมากอยากให้น้องปลอดภัยขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยด้วย
นางปวีณา กล่าวว่า พ่อแม่ได้แจ้งเรื่องขอความช่วยเหลือมามูลนิธิปวีณาฯ เมื่อวันที่ 12 ก.ย. จึงได้ประสาน นายจิตตรัตน์ เตชวุฒิพร ผอ.รพ.หัวหิน เพื่อสอบถามอาการน้องเต้าหู้ด้วยความเป็นห่วง ทราบว่าทางโรงพยาบาลได้ดูแลน้องอย่างดี และต้องมีค่าใช้จ่ายตามที่พ่อแม่แจ้งกับทางมูลนิธิปวีณาฯ จึงได้ประสาน เพจอีจัน และมูลนิธิเพชรเกษม บริจาคเงินช่วยเหลือ
กระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา 14 ก.ย.66 แพทย์แจ้งกับพ่อแม่ว่าน้องเต้าหู้มีอาการติดเชื้อต้องส่งตัวด่วนเพื่อมารักษาต่อที่รพ.ธรรมศาสตร์ และมาถึงดรงพยาบาลในช่วงตี 3 ที่ผ่านมา นางปวีณาได้ประสาน รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผอ.รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อติดตามด้านการรักษา และในวันที่ 16 ก.ย.นี้ นางปวีณา จะเดินทางไปเยี่ยมน้องเต้าหู้ที่โรงพยาบาลพร้อมมอบเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวเบื้องต้น
ทั้งนี้หากผู้ใจบุญท่านใดต้องการจะช่วยเหลือ “น้องเต้าหู้” สามารถบริจาคได้ที่บัญชีแม่น้องเต้าหู้โดยตรง ชื่อบัญชี น.ส.พิมพ์วิมล มงคล ธนาคารกสิกรไทย สาขา ตลาดฉัตร์ไชย หัวหิน เลขที่บัญชี 043-8-43203-5
Comments