top of page
  • รูปภาพนักเขียนทีมงานมูลนิธิปวีณาฯ

“ปวีณา” พา 2 เหยื่อพาเหยื่อฮารุ 2 ราย พบ “บิ๊กโจ๊ก”

“ปวีณา” พา 2 เหยื่อฮารุ ถูกกักขังทำร้าย 3 ปี พบ “บิ๊กโจ๊ก” ขอให้ช่วยติดตามคดีให้ถึงที่สุด และพิจารณาช่วยเรื่องหนี้สินและทรัพย์สินที่ถูกหลอกไปขายหลายสิบล้านบาท ยึดทรัพย์จากผู้กระทำผิดมาใช้หนี้


วันที่ 20 ต.ค.65 เวลา 15.00 น. ที่สโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดีรังสิต นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาอดีตพยาบาลสาว 2 ราย พร้อมทั้งแม่และน้องชายของอดีตพยาบาลอีก 1 ราย ที่รักษาตัวอยู่รพ.ตำรวจ ซึ่งทั้งหมดตกเป็นเหยื่อ “ฮารุ” เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ขอให้ช่วยติดตามคดีให้ถึงที่สุด และพิจารณาช่วยเรื่องหนี้สินและทรัพย์สินที่ถูกหลอกไปขายหลายสิบล้านบาท ยึดทรัพย์จากผู้กระทำผิดมาใช้หนี้ วอนช่วยกลับเข้าทำงานพยาบาลให้เลี้ยงชีพได้ และขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัย

ทั้งนี้ช่วงเช้าวันที่ 20 ต.ค.65 เวลา 10.00 น. ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นางสาวมุก อายุ 48 ปี และนางสาวพลอย อายุ 34 ปี อดีตพยาบาล (ทั้งสองนามสมมุติ) เข้าให้ข้อมูลต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กรณีตกเป็นเหยื่อ “ฮารุ-ตรีเพชรรัตน” 2 ผู้ต้องหา ลวงใช้หนี้ทิพย์ 140 ล้านบาท จากการอุปโลกน์ขายคอลลาเจน กักขังทำร้ายร่างกายทั้งโกนผมและนํ้าร้อนลวก เอาเตารีดร้อนๆ นาบขาทั้ง 2 ข้าง ตบหน้าทุกวัน ซ้ำๆ รัวๆ และยังให้แม่พยาบาลตบหน้าลูก กล้อนผมลูก ให้ลูกเกลียดชังแม่ กระทำทารุณนานกว่า 3 ปี เหตุเกิดในคอนโดฯ หรูใจกลางกรุงเทพฯ


อดีตพยาบาลสาว 2 ราย ให้ข้อมูลกับ “ปวีณา” ระหว่างถูก “ฮารุ” กักขัง 3 ปี บังคับหาเงินและทารุณกรรม น้ำร้อนลวกทั้งตัว เตารีดนาบขา ตบตี ใช้ไม้ตี กล้อนผม ส่วนพยาบาลอีกคนที่มีลูก 10 ขวบ กับ 7 ขวบ ก็ถูกกระทำสาหัสเช่นเดียวกัน อีกทั้งให้แม่กล้อนผมลูก ตีลูกตัวเองเพื่อให้ลูกเกลียดชัง เหยื่อพยายามฆ่าตัวตายโดยการกินยา 2 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ และเคยคิดจะกระโดดชั้น 7 คอนโดฯ จบชีวิต เพราะหมดตัวและเป็นหนี้สูญกว่า 10 ล้าน แต่ห่วงคนข้างหลังต้องมาใช้หนี้ ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดี และพาไปตรวจร่างกาย สภาพจิตใจ และอยากขอกลับเข้าทำงานพยาบาล รวมทั้งดูแลความปลอดภัย

สืบเนื่องจากวันศุกร์ที่ 14 ต.ค. 65 เวลา 17.00 น. ที่สำนักงานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นายบูม (นามสมมุติ) อดีตสามีพยาบาลสาว เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ขอให้ช่วยประสานตำรวจเข้าช่วยเหลืออดีตภรรยาและลูกสาว 10 ขวบ และลูกชาย 7 ขวบ ถูกกักขังไว้ที่คอนโดฯ แห่งหนึ่ง ย่านบางพลัด กทม. โดน นายบูม ได้เล่าว่า นางบี (นามสมมุติ) ได้ไลน์มาขอความช่วยเหลือว่า ขอให้มารับลูกทั้ง 2 คน ออกไปด้วย นางปวีณาจึงได้ส่งนายบูมไปให้ข้อมูลกับสำนักงาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ต่อมากองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งนายบูม ได้ติดต่อไว้เช่นกันได้เรียกตัวมาสอบปากคำที่กองบัญชาการ ขณะนั้นนางบี อดีตภรรยา ได้แอบไลน์มาบอกห้องที่พักอยู่และส่งพิกัดเบอร์ห้องพร้อมรหัสประตูมาให้ วันเสาร์ที่ 15 ต.ค.65 ตำรวจจึงนำกำลังเข้าช่วยเหลือและจับกุมผู้กระทำผิดดำเนินคดี


รายที่ 1 นางสาวมุก (อดีตพยาบาล) เล่าว่า รู้จักกับนายฮารุ ช่วงมิ.ย.64 จากนั้นนายฮารุ ได้ชักชวนให้มาลงทุนเป็นตัวแทนกระจายสินค้าคอลลาเจนและเซรั่ม ระยะหลังนายฮารุ อ้างว่าสินค้าคอลลาเจนและเซรั่มขาดทุน พวกตนจะต้องรับผิดชอบหาเงินมาคืน จนตนต้องขายทรัพย์สินรถ บ้าน กู้เงินจากที่ต่างๆ เรื่อยมา เป็นจำนวนเงินกว่า 10,000,000 บาท จนหมดตัว และนายฮารุ ยังบังคับให้ทำงานในแต่ละวันต้องหายอดให้ได้ตามที่นายฮารุกำหนด หากไม่ได้ยอดก็จะทำร้าย ทุบตี ทารุณ โดยการใช้เตารีดนาบที่ขา


ล่าสุดช่วงเดือน ส.ค.65 ถูกเอาน้ำร้อนที่กำลังต้มเดือดราดที่ลำตัว ตนเคยคิดจะฆ่าตัวตายโดยการกระโดดตึกคอนโดฯ ลงมาจากชั้น 7 แต่เมื่อคิดถึงหน้าคนในครอบครัวก็กลัวว่าจะเดือดร้อน เพราะนายฮารุ ได้ข่มขู่เอาไว้ว่าให้ระวังจะเอาเรื่องกับญาติพี่น้องด้วย ตนจึงต้องจำทนอยู่อย่างทรมานมาหลายเดือน กระทั่งวันที่ 16 ต.ค.65 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าไปช่วยเหลือ เหมือนได้ชีวิตใหม่กลับมา แต่ขณะนั้นตนยังหวาดกลัวอิทธิพลของนายฮารุที่เคยข่มขู่ต่างๆ นานา จึงทำให้ตนไม่กล้าพูดความจริง ก่อนจะตัดสินใจร้องขอความชี่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ขอให้ดำเนินคดีกับนายฮารุ และตรีเพชรรัตน ให้ถึงที่สุด


รายที่ 2 นางสาวพลอย อายุ 34 ปี อดีตพยาบาล เล่าว่า รู้จักกับฮารุตั้งแต่ปี 63 จากการแนะนำของคนที่รู้จัก ก่อนที่ฮารุจะชักชวนทำธุรกิจขายของออนไลน์ โดยตนขอเงินแม่มาทำทุนก่อนที่ฮารุจะเอาเงินของตนไปกว่า 3 แสนบาท และตนเองต้องจำนำรถยนต์ ขายที่ดินเอาเงินมาให้อีกฮารุ รวมกว่า 1 ล้านบาท


ทั้งนี้ นางปวีณา พาครอบครัวเหยื่อพยาบาลอีกราย ประชุมสหวิชาชีพกับนักสังคมสงเคราะห์ ศูนย์พึ่งได้ รพ.ตำรวจ ในเรื่องการดูแลสภาพจิตใจของ 3 แม่ลูก พร้อมทั้งพาอดีตพยาบาลสาว 2 ราย รวมทั้งแม่ของอดีตพยาบาลที่รักษาตัวอยู่รพ.ตำรวจ เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่สโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดีรังสิต ขอให้ช่วยติดตามคดีให้ถึงที่สุด

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า จะให้การช่วยเหลือเร่งด่วนกับเหยื่อทั้ง 3 รายนี้

1. มูลนิธิปวีณาฯ จะพาไปรพ.ตำรวจ เพื่อรักษาบาดแผลทั้งร่างกายและจิตใจ เนื่องจากมีแผลที่ถูกทำร้ายตามร่างกาย รวมทั้งเหยื่อ 1 ราย เริ่มป่วยเป็นโรคไต ขาบวม อ่อนเพลีย เครียด นอนไม่หลับ และต้องฟื้นฟูสภาพจิตใจ

2. พาไปพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อให้ช่วยติดตามคดี และพิจารณาเรื่องหนี้สินและทรัพย์สินที่ถูกหลอกไปขายจำนวนหลายสิบล้านบาท ขอให้ยึดทรัพย์จากผู้กระทำผิดมาใช้หนี้

3. จะประสานกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้เหยื่อได้รับเงินเยียวยา

4. มูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามคดีอย่างใกล้ชิดร่วมกับตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้เสียหายให้ได้รับความเป็นธรรมต่อไป






ดู 40 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page