ประจวบฯ แม่เลี้ยง ร้อง ปวีณา แม่แท้ๆ ส่งลูกสาววัย 11 ปีขายบริการหาเงินซื้อยาเสพติด ปวีณาประสาน ตร.หัวหิน จับทันที
- ทีมงานมูลนิธิปวีณาฯ
- 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา
- ยาว 2 นาที

แม่แท้ๆ ส่งลูกสาววัย 11 ปีขายบริการหาเงินซื้อยาเสพติด แถมพาลูกสาวไปซื้อยาบ้าเสพหลายครั้ง เด็กหญิงสุดทนบอกพ่อกับแม่เลี้ยงร้อง “ปวีณา” ช่วย!! “ปวีณา” ประสาน พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จับแล้ว แม่แท้ๆ สอบสวนให้การรับสารภาพ ร่วมกับป้าค้าบริการลูกสาว 3 ครั้ง ครั้งแรก พาลูกสาวไปให้ผู้ชายดูตัวที่สวนสาธารณะได้เงิน 1,500 บาท ครั้งที่ 2 พาลูกสาวไปส่งที่โรงแรมม่านรูกได้เงิน 2,000 บาท ครั้งที่ 3 พาลูกสาวไปส่งที่โรงแรมม่านรูดได้เงิน 5,000 บาท แต่ถูกป้าเอาเงินไปหมด หลังจากนั้นผู้ชายที่ซื้อบริการบอกว่าไม่ต้องพาลูกสาวไปให้แล้วเพราะครั้งที่ 3 ลูกสาวได้ต่อสู้ขัดขืนจนหมดอารมณ์ ตร.จ่อคุมตัวแม่แท้ๆ ฝากขัง 20 พ.ค.68 พร้อมเร่งล่าป้าอีกคนที่ร่วมเป็นธุระจัดหาค้ามนุษย์เด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปีซึ่งเป้นผู้สืบสันดาน และขยายผลจับกุมผู้ซื้อบริการเด็กหญิงมาดำเนินคดี

จ.ประจวบคีรีขันธ์ : วันที่ 19 พ.ค.68 พ่อช็อก! ร้อง "ปวีณา" ลูกสาวคนโตวัย 13 ปี ถูกแม่แท้ๆ และป้าพาไปขายบริการหาเงินซื้อยาบ้าเสพ ตั้งแต่ลูกสาวอายุ 11 ปี หลังแยกทางแม่กีดกันไม่ให้เจอลูกสาวทั้ง 2 คน เด็กกดดันหนักถูกยายและแม่ทำร้ายทุบตี บังคับให้ทำงานหนัก ด่าทอสารพัด จึงได้บอกแม่เลี้ยงและพ่อช่วยไปรับมาอยู่ด้วย แต่พ่อยังห่วงสวัสดิภาพลูกสาวคนเล็ก 8 ขวบที่ยังอยู่กับแม่ หวั่นถูกกระทำซ้ำรอยพี่สาว "ปวีณา" ประสาน พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.หัวหิน รับแจ้งความ ส่งเด็กหญิงวัย 13 ปี ไปตรวจร่างกาย สอบสหวิชาชีพ รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับแม่และป้า ในข้อหาหนัก ค้ามนุษย์ เป็นธุระจัดหา, ค้าบริการเด็กหญิง, กระทำต่อผู้สืบสันดาน และเสพยาบ้า ล่าสุดจับกุมตัวแม่แท้ๆ ได้แล้ว สอบสวนแม่แท้ๆ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จ่อคุมตัวฝากขังศาล 20 พ.ค.นี้ ตร.อยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวป้าอีกคนที่ร่วมเป็นธุระจัดหา และขยายผลจับกุมผู้ซื้อบริการเด็กหญิงมาดำเนินคดี

สืบเนื่องจากวันที่ 30 เม.ย.68 พ่ออายุ 35 ปี อาชีพขับรถรับจ้างและแม่เลี้ยง ร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า ลูกสาวอายุ 13 ปีถูกแม่แท้ๆ และป้าพาไปขายบริการกับชายวัย 50 ปีที่โรงแรมม่านรูดถึง 2 ครั้งในช่วงที่ลูกสาวอายุ 11 ปี เพื่อหาเงินไปซื้อยาเสพติดมาเสพและจ่ายหนี้นอกระบบรายวัน ลูกสาวถูกข่มขู่ห้ามบอกใครจนทนไม่ไหวเพิ่งเล่าให้ฟังเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา

พ่อ กล่าวว่า ว่า ตนกับอดีตภรรยาอยู่กินกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส มีลูกสาวด้วยกัน 2 คน คนโตอายุ 13 ปี คนเล็กอายุ 8 ปี พ่อแม่ได้แยกทางกันหลายปีแล้วตั้งแต่ลูกยังเล็ก โดยอดีตภรรยาไม่ยอมให้ลูกทั้งสองมาอยู่กับตน เวลาตนจะไปเยี่ยมลูกแต่ละครั้งก็ยากเย็นกีดกันไม่ยอมให้เจอ นานๆ ครั้งถึงจะได้เจอลูกในช่วงเทศกาล กระทั่งวันที่ 26 เม.ย. 68 ลูกสาวคนโตได้ติดต่อมาหาแม่เลี้ยง และบอกว่าไม่อยากอยู่กับแม่และยายแล้ว เพราะถูกใช้งานหนัก ทุบตี ด่าทอต่อหน้าคนอื่นทำให้รู้สึกอายและเก็บกด พ่อจึงขับรถจากจ.ภูเก็ตมารับลูกที่อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยนัดให้ลูกออกมาเจอข้างนอก จากนั้นพาลูกไปลงบันทึกประจำวันที่สภ.หัวหิน และแจ้งแม่ว่าจะพาลูกไปอยู่ที่ภูเก็ต แต่แม่ไม่ยอมและขอพูดคุยกับลูกทางโทรศัพท์

ลูกสาวได้พูดต่อว่าแม่ เรื่องที่พาไปให้ผู้ชายดูตัว และพาไปขายบริการตอนอายุ 11 ปีกับชายวัย 50 ปี 3 ครั้ง แม่จึงยอมให้ลูกไปกับพ่อ เพราะพ่อกับแม่เลี้ยงบอกว่า ถ้าไม่ให้จะฟ้องกลับ ก่อนจะพากันเดินทางกลับภูเก็ตและโทรแจ้งมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอดำเนินคดีกับแม่แท้ๆ ลูกสาวเล่าให้พ่อและแม่เลี้ยงฟังว่า ครั้งแรกเดือน ส.ค.66 แม่และป้าเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์พาไปให้ชายวัย 50 ปีที่เป็นลูกค้าดูตัวและพาไปส่งที่โรงแรม หลังถูกกระทำเด็กกลับมาบ้านอวัยวะเพศมีเลือดออกและปวดแสบมาก แม่ก็บอกว่าไม่เป็นไร คงเป็นเลือดประจำเดือน ต่อมาเดือนต.ค.66 ห่างจากครั้งแรกประมาณ 2 เดือน ป้าก็ได้พาไปเด็กส่งขายบริการให้กับชายอายุ 50 ปี คนเดิม ที่โรงแรมม่านรูดที่เดิม แต่เด็กขัดขืนไม่ยอมชายคนดังกล่าวจึงได้พากลับมาส่งที่สวนสาธารณะซึ่งแม่คนเป็นมารอรับกลับบ้าน โดยชายคนดังกล่าวได้บอกกับแม่ว่า ต่อไปไม่ต้องพามาแล้วนะ แม่จึงได้ด่าทอลูกสาวด้วยถ้อยคำหยาบคาย

นอกจากนี้ลูกสาวคนโตยังบอกอีกว่า แม่ติดยาบ้า เมื่อเดือนที่แล้วยังขี่รถจักรยานยนต์พาหนูไปบ้านเพื่อนเพื่อเอายาบ้ามาเสพ โดยให้ลูกสาวเดินไปรับยาบ้าจากเพื่อนเพราะแม่กลัวถูกจับ และแม่ยังมีหนี้สินที่ต้องจ่ายรายวันอีกด้วย พ่อต้องการจะเอาเรื่องกับอดีตภรรยาซึ่งเป็นแม่แท้ๆ ที่ค้าประเวณีลูกตัวเองให้ถึงที่สุด และเป็นห่วงสวัสดิภาพของลูกสาวคนเล็ก 8 ขวบที่ยังต้องอยู่กับแม่และยาย จึงตัดสินใจร้องทุกข์ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือด้วย

หลังรับเรื่องวันที่ 30 เม.ย.68 นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.หัวหิน ให้พ่อและแม่เลี้ยงพาลูกสาวเข้าแจ้งความ ด้านพนักงานสอบสวนได้ส่งตัวเด็กหญิงไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลทันที และนัดทีมสหวิชาชีพสอบปากคำเด็กหญิงในช่วงบ่ายวันเดียวกัน และหลังจากนั้นพ่อกับแม่เลี้ยงและลูกได้เดินทางมาอยู่ในความดูแลของมูลนิธิปวีณาฯ จนถึงวันนี้
ล่าสุดวันที่ 19 พ.ค.68 นางปวีณา ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.หัวหิน ว่าพนักงานสอบสวนสภ.หัวหิน ได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับแม่และป้าที่เป็นธุระจัดหาพาลูกสาวตัวเองไปขายบริการแล้ว ในข้อหา “ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือ พาไป เพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม อันเป็นการกระทำแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีและเป็นการกระทำแก่ผู้สืบสีนดาน และค้ามนุษย์“ และเช้าวันนี้ ชุดสืบสวน สภ.หัวหินได้ทำการจับกุมตัวแม่แท้ๆ ได้แล้ว โดยได้ควบคุมตัวมาตรวจหาสารเสพติด พบว่าปัสสาวะมีสีม่วง จึงแจ้งข้อหา เสพยาบ้า เพิ่มอีก 1 ข้อหา

จากการสอบสวนแม่แท้ๆ ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับป้าค้าบริการลูกสาว โดยครั้งแรก พาลูกสาวไปให้ผู้ชายดูตัวที่สวนสาธารณะได้เงิน 1,500 บาท ครั้งที่ 2 พาลูกสาวไปส่งที่โรงแรมม่านรูกได้เงิน 2,000 บาท ครั้งที่ 3 พาลูกสาวไปส่งที่โรงแรมม่านรูดได้เงิน 5,000 บาท แต่ถูกป้าเอาเงินไปหมด หลังจากนั้นผู้ชายที่ซื้อบริการบอกว่าไม่ต้องพาลูกสาวไปแล้วเพราะครั้งที่ 3 ลูกสาวได้ต่อสู้ขัดขืนจนหมดอารมณ์ ทั้งนี้จะควบคุมตัวไปฝากขังวันที่ 20 พ.ค.นี้ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่สภ.หัวหิน อยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวป้า ที่ร่วมเป็นธุระจัดหา และขยายผลจับกุมผู้ซื้อบริการเด็กหญิงมาดำเนินคดี
นางปวีณา กล่าวขอบคุณ พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.หัวหิน และเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หัวหิน ที่ทำงานอย่างรวดเร็ว ในส่วนของลูกสาวคนเล็ก 8 ขวบ นางปวีณา จะได้ประสาน นางสุพัตรา ไพฑูรย์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และน.ส.วารุณี ดอกจันทร์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อรับเด็กมาอยู่ในความดูแลของพ่อ และจะประสาน ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่องการย้ายโรงเรียนเด็กมาเรียนในพื้นที่บ้านพ่อจ.ภูเก็ต พร้อมทั้งประสาน นางสมพิศ ศรีคำแหง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านพ่อเพื่อช่วยเหลือเยียวยาสภาพจิตใจเด็กทั้งสองคน โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามการช่วยเหลือร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ต่อไป.
ขอขอบคุณสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าว
Comments