top of page
  • รูปภาพนักเขียนทีมงานมูลนิธิปวีณาฯ

“ปวีณา” ช่วยล่ามสาววัย 28 ปี ถูกลวงค้ากาม จากเล้าก์ก่ายส่งต่อเมียวดี ประเทศเมียนมา




จ.ปทุมธานี 27 มี.ค.67 “ปวีณา” ช่วยสาวไทยวัย 28 ปี ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่เมืองเล้าก์ก่าย ก่อนถูกขายต่อไปเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา โดย ประสานหน่วยงานความมั่นคง จ.ตาก ช่วยเหลือได้กลับไทยปลอดภัย


สืบเนื่องจาก วันที่ 27 มี.ค.67 เวลา 13.30 น. น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 28 ปี เหยื่อถูกหลอกไปค้าประเวณีที่เมืองเล้าก์ก่าย และเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือ หลังรับเรื่อง นางปวีณา ได้ประสาน พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. ก่อนจะมอบหมายให้ นายเอกภาพ หงสกุล ผู้อำนวยการมูลนิธิปวีณาฯ พา น.ส.เอ (นามสมมุติ) เข้าแจ้งความให้ปากคำที่ บก.ปคม. และส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อค้ามนุษย์ และติดตามจับกุมขบวนการค้ามนุษย์มาดำเนินคดี




น.ส.เอ เล่าว่า ตนเป็นคน จ.สกลนคร ทำงานเป็นล่ามภาษาจีน รายได้ไม่พอรายจ่าย และพี่ชายได้รับอุบัติเหตุต้องใช้เงินรักษาตัวจำนวนมาก ต่อมามีเพื่อนชื่อ น.ส.บี (นามสมมุติ) ที่ทำงานอยู่เมืองเล้าก์ก่าย ประเทศเมียนมา ชักชวนให้ตนไปทำงานเป็นล่ามที่บริษัทแห่งหนึ่งในเมืองเล้าก์ก่าย บอกว่ารายได้ดี เงินเดือน 60,000 บาท ตนก็หวังว่าจะช่วยครอบครัวได้จึงตัดสินใจเดินทางไปช่วงเดือนต.ค.65 โดยตนเดินทางจาก จ.สกลนคร ไป จ.เชียงใหม่ และไปต่อที่ดอยอ่างขาง ก่อนจะมีคนมารับเดินทางต่อไปทางช่องทางธรรมชาติข้ามไปเมียนมาใช้เวลา 8 วัน เมื่อไปถึงพบกลุ่มคนจีนจ่ายเงินให้ น.ส.บี เป็นเงิน 300,000 บาท ตนจึงรู้ตัวว่าถูกขาย และ น.ส.บี ก็ได้หลบหนีกลับประเทศไทย

 

จากนั้นตนถูกกลุ่มคนจีนข่มขืนรุมโทรม ใช้กำลังทำร้าย กักขังบังคับให้ทำงานค้าประเวณีตลอด 24 ชั่วโมง ต้องรับแขกวันละไม่ต่ำกว่า 10 คน ถ้าไม่ทำก็ถูกทำร้ายทุบตี และเมื่อหมดสัญญายังถูกบังคับให้เซ็นสัญญาเป็นหนี้ 600,000 บาท ตนขัดขืนไม่ยอมเซ็นสัญญาก็ถูกปืนตบที่ศีรษะและทำร้ายจนเลือดคั่งในสมอง ต้องนอนโรงพยาบาล หลังจากอาการดีขึ้นกลุ่มคนจีนก็นำตัวกลับมาบังคับให้ค้าประเวณีอีก ตนต้องยอมทำตามหวังว่าใช้หนี้หมดจะได้กลับบ้าน แต่เมื่อใช้หนี้หมดสุดท้ายก็ถูกจับตัวไว้และถูกบังคับให้ค้าประเวณีอีก ช่วงนั้นที่เมืองเล้าก์ก่ายมีสงครามรบกัน โดนตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดสัญญาณโทรศัพท์ทั้งหมด ทำให้ตนไม่สามารถติดต่อใครได้เลย





ช่วงเดือนก.พ.67 ตนถูกกลุ่มคนจีนเตรียมขายต่อให้กับคนจีนอีกกลุ่มที่บังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์ในราคา 1.5 ล้านบาท แต่เนื่องจากขณะนั้นรัฐบาลจีนกวาดล้างขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่เล้าก์ก่ายจึงยังไม่มีใครซื้อ กลุ่มคนจีนจึงขายตนต่อไปที่เมืองเมียวดีในราคา 300,000 บาท และบังคับให้ค้าประเวณีอีก ตนต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก ยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็น หลังตนถูกขายไปที่เมืองเมียวดีไม่นานก็ได้ข่าวว่ามูลนิธิปวีณาฯ ได้ช่วยเหลือสาวไทย 2 ราย ที่ถูกหลอกมาค้าประเวณีจนได้กลับไทย ตนจึงได้ร้องทุกข์มาทางเพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี จนกระทั่งมูลนิธิปวีณาฯ ประสานการช่วยเหลือจนตนได้กลับไทย เหมือนตายแล้วเกิดใหม่อีกครั้ง    

 

นางปวีณา กล่าวว่า หลังรับเรื่องจากน.ส.เอ ได้ประสานไปยังหน่วยงานความมั่นคงของ จ.ตาก ทันที ต่อมาวันที่ 17 มี.ค.67 มูลนิธิปวีณาฯ ก็ได้ทราบข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงของ จ.ตาก ว่าสามารถช่วยเหลือน.ส.เอ ออกมาได้แล้ว มูลนิธิปวีณาฯ จึงได้รับน.ส.เอ เข้าพักอยู่ในความคุ้มครองของมูลนิธิปวีณาฯ และได้ประสาน พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. ก่อนจะมอบหมายให้ นายเอกภาพ หงสกุล  ผู้อำนวยการมูลนิธิปวีณาฯ พา น.ส.เอ เข้าแจ้งความ และส่งตัว น.ส.เอ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อค้ามนุษย์ และติดตามจับกุมขบวนการค้ามนุษย์มาดำเนินคดีต่อไป     

 

ทั้งนี้ขอเตือนภัยสาวไทยทุกคนอย่าหลงเชื่อ หากได้รับการชักชวนไปทำงานต่างแดน และประเทศเพื่อนบ้านต้องตรวจสอบจากกระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ หรือมูลนิธิปวีณาฯ ให้ดีก่อนตัดสินใจ เพราะงานสบายรายได้ดีไม่มีจริง และอาจจะต้องตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ต้องทนทุกข์ทรมานตกนรกทั้งเป็น ไม่ได้เงินแล้วยังต้องเป็นหนี้ ถูกบังคับค้าประเวณี ทำงานผิดกฎหมาย และบางคนก็เอาชีวิตไม่รอด ซึ่งเจ้าหน้าที่อาจจะช่วยเหลือไม่ได้ทุกคน


ข่าวที่สื่อนำเสนอดังนี้










ดู 75 ครั้ง1 ความคิดเห็น
bottom of page